“เป็นอะไร งอนเหรอ ไหนว่าโตแล้วไง” คราวนี้เธอเห็นมินสูดลมหายใจแล้วกลั้นไว้ชั่วครู่ก่อนจะหันมาหา
“ทำยังไงลัลน์ถึงจะเห็นว่ามินโตแล้ว ไม่ใช่เด็ก ไม่ใช่น้องชาย” น้ำเสียงและสีหน้าของมินจริงจังจนลัลน์อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้…ถึงเวลาที่เธอจะต้องเลิกล้อว่าเขาเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ แล้วจริงๆ อย่างนั้นหรือ…
“ก็โตแล้ว อันนั้นรู้น่า ทำไม กลัวใครเขาไม่ให้ความเชื่อถือเหรอ น่า…อีกไม่นานพอมินเรียนจบ กลับมาทำงานเป็นเรื่องเป็นราวเต็มตัว พิสูจน์ฝีมือให้ดูแล้ว ใครๆ ก็ยอมรับได้แน่ น้องชายพี่เมธิกับพี่ลัลน์เสียอย่าง”
“ไม่เคยเข้าใจมินเลยนะลัลน์” มินบ่นแล้วหันกลับไปสนใจงาน ไม่ยอมต่อล้อต่อเถียงอะไรลัลน์อีก
“โธ่มินก็ ไหนให้พี่ช่วยอะไรได้บ้าง” ลัลน์อ้อนกึ่งง้อ แล้วเดินตามแหย่เขาไปเรื่อยๆ แม้จะพยายามทำใจแข็งแต่สุดท้ายมินก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อนกับลัลน์ หันไปส่งยิ้มนิดๆ ที่มุมปากและยอมตอบรับเป็นคำๆ
…ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาไม่เคยใจแข็งกับลัลน์ได้เลย…
อากาศที่เย็นจัดและชื้นน้ำค้างทำให้มินเริ่มไม่สบายใจเพราะเป็นห่วงคนที่เขารัก
“ดึกแล้ว น้ำค้างลง…หนาวด้วย ขึ้นบ้านไปนอนเถอะลัลน์”
“ขึ้นสิ แต่รอมินก่อนไง” ลัลน์ตอบโดยไม่หันไปมอง มือขยับช่วยคนงานเก็บของ
เสื้อกันหนาวตัวใหญ่หนาถูกคลุมลงมา กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยโอบล้อมเธอเอาไว้อย่างอบอุ่นเช่นเดียวกับกระไอที่หลงเหลืออยู่ของเจ้าของเสื้อ ลัลน์อมยิ้มอยู่คนเดียวโดยไม่รามือจากงานที่ทำอยู่แม้แต่น้อย
“เจี๊ยบๆ ตรงนั้นน่ะเอาไว้พรุ่งนี้ก็ได้” เสียงของมินที่ตะโกนบอกคนงานทำให้รู้ว่าเขาขยับก้าวห่างออกไปพอสมควร
ลมหนาวกลางดึกที่ปะทะจนแก้มเย็นทำให้ลัลน์นึกห่วงคนใจดีที่สละเสื้อให้ แต่ก็รู้ดีว่าเสียเวลาจะส่งคืน…บางครั้งก็ต้องยอมรับว่ามินดื้อยิ่งกว่าเธอ…ทางที่ดีเธอควรเร่งมือช่วยเขาทำงานจะดีเสียกว่า เพราะไม่ว่าเธอหรือน้องชายต่างก็ไม่มีใครยอมทิ้งใครให้ทำงานคนเดียวแล้วตัวเองหนีไปนอนสบายแน่ๆ
ฮัดชิ้ว! เสียงจามของลัลน์เรียกให้มินหันกลับมามองอย่างไม่ชอบใจ ข้าวของที่เก็บเกือบเรียบร้อยแล้วทำให้เขาตัดสินใจจะรามือเสียทีเพราะห่วงเธอมากกว่า แม้ไม่อยากทิ้งให้คนงานต้องทำงานกันเองแล้วตัวเองหนีไปนอนสบายก่อนก็ตาม
ลัลน์จะเป็นหวัดเอาได้…พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน
“พี่คำตาจดโน้ตบอกป้าแสงทีว่าพรุ่งนี้ขอข้าวต้มหมูสับเป็นมื้อเช้าเน้อ” มินวานคำตาให้ช่วยบอกแม่ครัวสูงวัยประจำบ้านใหญ่ซึ่งตอนนี้เข้านอนเรียบร้อยแล้ว
“อ้าว น้องมินอยากกินข้าวต้มหรือเจ้า เมินๆ จะอยากกินเนาะ” คำถามของคำตาทำให้ลัลน์หัวเราะเบาๆ
“ขำอะไร ตัวเองน่ะไปนอนได้แล้ว” มินหันไปเอ็ดเบาๆ พร้อมกับเอื้อมมือมาแย่งตะกร้าที่ลัลน์ถือไปส่งให้คนงานที่อยู่ใกล้ๆ
…มินไม่ชอบข้าวต้ม…ไม่ชอบน้ำซุปร้อนๆ แล้วก็ชอบบ่นว่าเวลากินแต่ละทีต้องเป่ารอให้เย็นเสียเวลา จะกินเลยก็ปากพอง แต่ลัลน์ชอบที่สุด…
ฮัดชิ้ว! ลัลน์ไม่ทันได้ตอบอะไรก็ต้องจามอีกครั้ง เธอยกหลังมือขยี้จมูกตัวเอง
“จามอีกแล้ว หวัดเรียกหาแน่ๆ ไปเถอะ มินง่วงแล้ว” ท่าทางไม่ยอมเลิกทำงานง่ายๆ ทั้งที่สภาพร่างกายเริ่มไม่ไหวของลัลน์ทำให้มินตัดใจหาเหตุให้เธอวางมือเสียที
ลัลน์มองไปรอบๆ แล้วก็เห็นว่าน่าจะรามือได้แล้วจึงตัดสินใจพยักหน้า เธอรู้ว่าน้องชายเป็นห่วงเธอและรู้อีกเหมือนกันว่ามินเองก็เป็นห่วงคนงาน…นิสัยอย่างหนึ่งของครอบครัวเธอคือเวลาทำงานจะเป็นคนลงมือก่อน และเวลาเสร็จให้เป็นคนสุดท้าย จะไม่ทิ้งคนที่ล่มหัวจมท้ายทำงานกับเรา…
“พี่ไปนอนแล้วก็ได้ คนไม่ง่วงอย่ามาทำเป็นอ้างเลย แต่ว่าต้องเอาเสื้อคืนไป หนาวจะแย่ เดี๋ยวไม่สบาย ไม่งั้นพี่ไม่เข้าบ้านนะ” ลัลน์ดักคอแล้วถอดเสื้อคืนให้กับมินที่ยิ้มแล้วพยักหน้ารับกลายๆ
“อย่าดึกนักนะมิน อีกนิดเดียวก็พอได้แล้ว ที่เหลือไว้เก็บพรุ่งนี้เช้าเถอะ”
“ครับผม ราตรีสวัสดิ์นะลัลน์” มินบอกโดยที่ลัลน์ก็บอกกลับไปเช่นกัน เขามองส่งจนร่างของเธอหายลับเข้าไปในบ้าน แล้วหันไปรีบลงมือจัดการทำงานให้เสร็จอย่างรวดเร็ว
ติดตามตอนต่อไปวันพรุ่งนี้ เวลา 12.00 น.