อันที่จริงฉินโยวโยวก็ไม่ได้สนใจฐานะหรือชื่อแซ่ของผู้มีพระคุณจริงๆ หรอก ในเมื่อเขาไม่อยากบอกก็ปล่อยให้เขาทำตัวลึกลับต่อไปได้ ถึงอย่างไรนางก็ไม่คิดจะตั้งป้ายบูชาให้เขาอยู่แล้ว
นางซาบซึ้งในบุญคุณที่อีกฝ่ายช่วยชีวิตไว้ มีโอกาสก็อยากจะตอบแทน แต่ถ้าอีกฝ่ายรู้สึกว่าไม่เป็นไร นางก็ไม่ยืนกรานเกินไปนัก
บุรุษตรงหน้านี้สามารถมองออกว่านางถูกลูกกลอนสลายพลังทำลายตบะไป เก้าในสิบส่วนจะต้องมีตบะไม่อ่อนด้อย เมื่ออยู่ตรงหน้าเขา นางจำต้องระมัดระวังวาจาสักหน่อย มิเช่นนั้นหากคุยโวจนความแตกขึ้นมาจะมิใช่เรื่องสนุก
“ผู้มีพระคุณสายตาดีนัก นี่เป็นเรื่องของสำนักข้า ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้าไว้ เดิมทีข้าก็ไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนอยู่แล้ว ยังจะไร้ความเกรงใจเพิ่มเรื่องยุ่งยากให้ผู้มีพระคุณอีกได้อย่างไร ส่วนเรื่องที่ว่าคิดจะทำเช่นไรต่อไปนั้น…”
ฉินโยวโยวแสดงบทโศกได้ถึงบทบาท ความจริงไม่ต้องแสดงนางก็โชคร้ายและน่าสงสารอย่างมากจริงๆ
หากกล่าวถึงศัตรูของนางก็มิแคล้วต้องเอ่ยถึงสาเหตุที่นางถูกวางยาและตามจับตัว นางไม่อาจมั่นใจว่าผู้มีพระคุณท่านนี้จะไว้ใจได้หรือไม่ ย่อมจะไม่อยากเผยเรื่องของตนเองออกไป
กลวิธีถอยเพื่อรุกนี้ก็ต้องดูท่าทีของเหยียนตี้ด้วย ไม่ว่าบุรุษคนใดเห็นสาวงามตกทุกข์ได้ยากแล้วยังคิดเผื่อตนเองเช่นนี้ จะต้องตบอกแสดงตนว่าเป็นวีรบุรุษช่วยจัดการภาระแทนสาวงามแน่นอน ต่อให้ไม่คุยโวรับปากเกินตัวก็ต้องเป็นฝ่ายเสนอความช่วยเหลือบ้าง
ทว่าเหยียนตี้กลับมีสีหน้าไร้อารมณ์ เอาแต่จ้องนางเขม็งโดยไม่พูดอะไรสักคำ
มองเข้าไป! ไม่เคยเห็นสาวงามหรือไร!
ฉินโยวโยวขุ่นเคืองใจ คิดจะหลอกล่อผู้อื่น ผลคือผู้อื่นกลับไม่ติดกับเสียอย่างนั้น นางจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนเอ่ยว่า “รอหาสัตว์วิเศษทั้งสองตัวของข้ากลับมาได้แล้วก็จะหาที่เร้นกายหลบภัย”
“สัตว์วิเศษสองตัว?” เหยียนตี้เลิกคิ้ว ผู้ฝึกตนโดยทั่วไปล้วนจับคู่กับสัตว์วิเศษเพื่อฝึกตน ทว่าชั่วชีวิตอย่างมากก็จับคู่ทำพันธสัญญากับสัตว์วิเศษได้เพียงตัวเดียว
“อืม หนึ่งในนั้นเป็นสัตว์วิเศษที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้ข้า หาได้มีพันธสัญญากับข้าไม่” ฉินโยวโยวอธิบาย
“เจ้าตกทุกข์ได้ยาก พวกมันกลับล้วนไม่อยู่ข้างกายเจ้า?” ในน้ำเสียงของเหยียนตี้มีแววกังขาดูแคลนรางๆ
แม้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ฝึกยุทธ์กับสัตว์วิเศษคู่กายจะยังไม่ถึงระดับร่วมเป็นร่วมตาย แต่ก็มิได้ต่างกับญาติร่วมสายเลือดเท่าไรนัก ฉินโยวโยวถูกทำให้มีสภาพเช่นตอนนี้ สัตว์วิเศษสองตัวนั้นถึงกับหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย นี่นับเป็นสัตว์วิเศษอะไรกัน!
“พวกมันช่วยอะไรไม่ได้หรอก หากต้องมาเคราะห์ร้ายเป็นเพื่อนข้า มิสู้แยกย้ายหนีเอาชีวิตรอดยังจะดีกว่า” ตัวของฉินโยวโยวกลับไม่รู้สึกอะไร
เรื่องแรกที่นางทำหลังพบว่าในอาหารถูกคนวางยาลูกกลอนสลายพลังไว้ก็คือปล่อยให้สัตว์วิเศษทั้งสองตัวหนีไปโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เป้าหมายหลักของเฟิงกุยอวิ๋นคือนาง เจ้าสองตัวนั้นเก่งเรื่องเล่นลิ้นหนีตายอยู่แล้ว แต่พอถึงเรื่องต่อสู้ที่ถึงขั้นเป็นตายกลับไม่ถนัดแม้แต่น้อย
“เจ้าคิดจะตามหาอย่างไร พวกมันมีลักษณะเด่นอะไรบ้าง” เหยียนตี้ซักถามต่อ
นี่คือตั้งใจจะช่วยข้าหรือ ไม่เลวๆ คนหน้าตาดีใครเห็นใครก็รักอย่างที่คิดจริงๆ ฉินโยวโยวลอบกระหยิ่มในใจ บนใบหน้ากลับแสดงความลังเลอยู่ชั่วครู่ถึงค่อยเอ่ยว่า “ข้านัดแนะพวกมันให้ไปพบกันที่เมืองปาไซ่ที่อยู่ตรงชายแดนแคว้นเซียงเยวี่ย พวกมันตัวหนึ่งเป็นกระต่ายหิมะหลงทาง อีกตัวเป็นนกเอี้ยงเสียงศักดิ์สิทธิ์ ลักษณะเด่น…กินเก่ง พูดมาก หนีไว พวกนี้นับหรือไม่”
“…” เหยียนตี้กับเหลียงลิ่งหมดคำพูด นี่เป็นสัตว์วิเศษที่ใช้การได้ที่ไหนกัน!