ฉินโยวโยวพุ่งตัวไปสกัดจุดชีพจรรอบปากแผลของเหยียนตี้อย่างรวดเร็วเพื่อห้ามเลือด ก่อนฉีกแขนเสื้อมากดแผลอันน่าสยดสยองที่ถูกแทงจากหน้าอกทะลุแผ่นหลังของเขาเอาไว้
นางรู้สึกว่าร่างในอ้อมแขนเย็นขึ้นทุกที นางถึงขั้นไม่มีความกล้าจะสัมผัสลมหายใจของเขา
ฉินโยวโยวหลับตาพลางถ่ายเทลมปราณของตนเองเข้าไปในกายเหยียนตี้ไม่หยุด กอดเขาไว้แน่น หวังจะใช้ความร้อนภายในร่างกายของตนเองทำให้ร่างเขาอบอุ่น หวังว่านี่จะเป็นเพียงฝันร้าย ขอเพียงนางลืมตาขึ้นก็จะมองเห็นสามีปีศาจนั่งอยู่ริมเตียง มองนางเงียบๆ ด้วยสีหน้าอ่อนโยน…
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ประตูของตำหนักอักษรก็ถูกคนผลักเปิดด้วยมือข้างหนึ่ง ตัวฮ่องเต้ยังมาไม่ถึงก็ส่งเสียงมาก่อนแล้ว “หย่งเล่อ เจ้าช่างประเสริฐนัก มานอนกะหนุงกะหนิงกับน้องสะใภ้อยู่ที่นี่…”
ครั้นเขามองเห็นภาพเหตุการณ์ภายในห้องชัดเจน รอยยิ้มเอ้อระเหยก็แข็งค้างอยู่บนหน้าทันที
ฉินโยวโยวจำเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่ได้ ผู้อื่นบอกว่านางกอดสามีปีศาจไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ถ่ายทอดลมปราณเข้าในกายเขาไม่หยุดจนกระทั่งหมดแรงสิ้นสติไป
ยามที่เหอหม่านจื่อรุดมาถึง แม้ทางหนึ่งจะรักษาเหยียนตี้ที่บาดเจ็บสาหัส อีกทางก็ยังต้องเป็นห่วงนาง หากมิใช่เพราะถูกความเคยชินของผู้เป็นหมอที่ต้องรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยและจรรยาบรรณแพทย์ที่ฝังรากลึกในสมองฉุดรั้งเอาไว้ ก็เป็นไปได้มากว่าเขาจะทิ้งเหยียนตี้ไปช่วยนางก่อนแล้ว
ได้ข่าวว่าผู้ที่ช่วยเสริมลมปราณให้นางคือฮ่องเต้ มิเช่นนั้นก็เป็นไปได้มากว่านางอาจจะใช้ตบะที่เพิ่งได้คืนมาไปจนหมดสิ้นอีกครั้ง
ฉินโยวโยวถูกส่งตัวมาพักฟื้นในวังชิ่งชุนของไทเฮา ส่วนเหยียนตี้ก็ถูกจัดให้อยู่ในตำหนักอีกแห่งข้างๆ กัน
ข่าวที่ทั้งสองเกิดเรื่องถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา แม้แต่ขุนนางใหญ่คนสำคัญก็ยังได้รับข่าวเพียงว่าหลังงานฉลองปีใหม่มีมือสังหารจากสำนักเฟิ่งเสินเข้าวังหมายจะปองร้าย แต่ถูกฆ่าตายไปหลายคน ไทเฮาได้รับความตกใจ ฮ่องเต้ยุ่งกับราชการงานเมือง ด้วยเหตุนี้จึงให้เซิ่งผิงชินอ๋องกับพระชายารั้งอยู่เป็นเพื่อนไทเฮาในวัง
เพียงไม่นานในเมืองหลวงก็มีข่าวลือแพร่สะพัดอีกว่าเรื่องที่เซิ่งผิงชินอ๋องสามีภรรยาอยู่เป็นเพื่อนไทเฮานั้นไม่เป็นความจริง…ความจริงคือคนหนึ่งฝึกทหารเป็นการลับ อีกคนกำลังเตรียมอาวุธสู้กับแคว้นตัวลี่
ไม่มีใครจะคิดถึงว่าคนทั้งสองที่เป็นการรวมตัวอันแข็งแกร่งที่สุดในสายตาคนทั้งหมด ตอนนี้ล้วนกำลังนอนหมดสติอยู่ในวัง
ฉินโยวโยวฟื้นขึ้นมาก็เป็นอีกสามวันให้หลังแล้ว นางลืมตาขึ้นอย่างงุนงง มองดูห้องที่ไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงนึกได้ว่าที่นี่ดูเหมือนจะเป็นตำหนักข้างในวังชิ่งชุน
พอนางขยับ คนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็รู้ตัว ทางหนึ่งโบกมือบอกให้นางกำนัลไปรายงาน อีกทางก็พุ่งปราดไม่กี่ก้าวมาแหวกม่านเตียงก่อนกล่าวด้วยความดีใจ “ค่อยยังชั่วๆ นับว่าฟื้นเสียที ทำเอาหม่อมฉันเป็นห่วงแทบแย่แล้วจริงๆ!”
ฉินโยวโยวไม่แน่ใจอยู่ชั่วครู่ก็จำได้ว่าเป็นตู้เหวยเหนียง เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนนางสิ้นสติไปพลันหลั่งไหลเข้ามาในห้วงความคิดปานกระแสน้ำ
“หย่งเล่อเล่า!” ฉินโยวโยวแทบจะโพล่งถามออกมา
“ไม่เป็นอะไรแล้ว เด็กโง่ ท่านอ๋องไม่ทรงเป็นอะไร ท่านไม่ต้องกลัว!” ตู้เหวยเหนียงไม่มีเวลาให้คำนึงเรื่องฐานะสูงต่ำอีก ยื่นมือมากอดฉินโยวโยวเข้าสู่อ้อมแขน กล่าวปลอบด้วยเสียงนุ่มนวล
ใบหน้าเล็กๆ ของฉินโยวโยวเป็นสีขาวหิมะ ในดวงตามีแต่ความตื่นตระหนกหวาดผวา เห็นแล้วชวนให้คนปวดใจ
“จริงๆ นะ?” นางจำได้ชัดเจนว่าสามีปีศาจถูกกระบี่แทงทะลุหัวใจ ไฉนจึงไม่เป็นอะไรไปได้เล่า หรือว่านางเพียงแค่ฝันร้ายไปจริงๆ
“ท่านอ๋องทรงมีบุญมาก พระชะตาแข็ง หากทรงเป็นอะไรไป หม่อมฉันมีหรือจะยังอยู่ที่นี่ได้ และยิ่งไม่มีแก่ใจจะล้อเล่นกับท่านแล้ว” ตู้เหวยเหนียงลูบหลังตบไหล่ปลอบฉินโยวโยวราวกับนางยังเป็นเด็กน้อย
อารมณ์ของฉินโยวโยวสงบลงเล็กน้อย ทว่ายังมิอาจวางใจได้ “ข้าอยากไปพบเขา”
“ได้ๆ จะพาท่านไปพบเดี๋ยวนี้เลย” ตู้เหวยเหนียงตอบรับ
ตู้เหวยเหนียงหยิบเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวหนามาคลุมฉินโยวโยวไว้ก่อนประคองออกมาข้างนอก ให้ขันทีใช้เกี้ยวแบกนางไปส่งยังตำหนักที่เหยียนตี้พักฟื้นอยู่