หลังปีใหม่หยุดว่าราชการได้สามวัน ฮ่องเต้ก็เริ่มต้นชีวิตอันยุ่งง่วนของเขาภายในตำหนักอักษรอีกครั้ง ส่วนฉินโยวโยวพอฟื้นขึ้นมาก็ไปพักฟื้นอยู่กับเหยียนตี้ที่ห้องข้างของตำหนักอักษรเพื่อความปลอดภัย
ได้ข่าวว่าในคืนปีใหม่ กลไกที่ติดตั้งใหม่นอกตำหนักอักษรเล่นงานยอดฝีมือหลายคนจากสำนักเฟิ่งเสินได้จริงๆ ในวังจึงกลับสู่ความสงบชั่วคราว
พวกเขาล้วนไม่อยากทำให้ข่าวที่เหยียนตี้บาดเจ็บสาหัสรั่วไหลออกไป อีกทั้งฉินโยวโยวที่มีฐานะเป็นพระชายาอ๋องเดิมทีก็ไม่ควรปรากฏตัวที่ตำหนักอักษร ดังนั้นยามปกตินางจึงไม่ก้าวเท้าออกจากห้อง มีเพียงตอนกลางคืนและเช้าตรู่ที่ตำหนักอักษรปราศจากคนนอกแล้ว นางถึงจะออกมาเดินตรวจดูกลไกโดยรอบว่าทำงานเป็นปกติหรือไม่
ฉินโยวโยวเข้าพักในห้องข้างวันแรกก็ได้ยินเสียงทะเลาะดุเดือดดังมาจากทางตำหนักอักษรแล้ว เริ่มแรกนางไม่ได้สนใจ คิดว่าเป็นฮ่องเต้อารมณ์ฉุนเฉียวเนื่องจากระยะนี้เขากับน้องชายได้รับบาดเจ็บติดๆ กันและเรื่องต่างๆ ก็ไม่ราบรื่น ผลคือวันถัดมาเสียงทุ่มเถียงกลับยิ่งดัง นางเริ่มอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาบ้างแล้ว
เมื่อฟังดูดีๆ คล้ายว่าเป็นฮ่องเต้กับเหล่าขุนนางใหญ่คนสำคัญกำลังถกเถียงถึงเรื่องที่ฮ่องเต้จะออกศึกเอง
ฮ่องเต้อยากนำทัพลงสนามรบด้วยตนเองเพื่อล้างแค้นที่แคว้นตัวลี่และสำนักเฟิ่งเสินส่งคนมาลอบสังหารก่อความวุ่นวายติดๆ กัน เหล่าขุนนางใหญ่กลับเห็นว่าเรื่องทำศึกมีเซิ่งผิงชินอ๋องรวมถึงแม่ทัพมากมายดูแลอยู่แล้ว ฮ่องเต้ผู้มีฐานะและพระวรกายอันสูงส่งไม่ควรไปเสี่ยงอันตรายง่ายๆ
ในคำพูดแทบจะแสดงชัดว่าอีกฝ่ายมียอดฝีมือแห่งยุคอย่างเจียงหรูเลี่ยนอยู่ แค่เพียงคนเดียวยังกล้าบุกมาสังหารยอดฝีมือจำนวนมากและลอบทำร้ายฮ่องเต้ถึงในสถานที่สำคัญอย่างวังหลวงแคว้นเซียงเยวี่ย แล้วถ้ายามที่สองทัพเผชิญหน้ากัน เจียงหรูเลี่ยนบุกโจมตีอีกครั้ง ฮ่องเต้มีหรือจะหลบพ้นเคราะห์ครั้งนี้ไปได้
ฮ่องเต้ยืนกรานยิ่ง เหล่าขุนนางใหญ่ก็คิดว่าตนเองมีเหตุผลเช่นกัน สองฝ่ายจึงตกอยู่ในสภาพไม่มีใครยอมใคร
ฉินโยวโยวกลับพอจะเข้าใจความคิดของฮ่องเต้ แต่นางยังคงรู้สึกว่าเขาทำเช่นนี้ไม่ฉลาดเอาเสียเลย
ตกค่ำนางออกตรวจกลไกแต่ละแห่งนอกตำหนักอักษรกับเหลียงลิ่งตามปกติ
หลังสวินเหมยนางข้าหลวงข้างกายไทเฮาตายไป เหลียงลิ่งก็ทำหน้าที่อารักขาไทเฮาแทนเป็นการชั่วคราว เนื่องจากไม่กี่วันก่อนเหยียนตี้บาดเจ็บสาหัส ไทเฮาจึงยืนกรานให้เหลียงลิ่งมารับใช้เหยียนตี้ ส่วนข้างกายตนเองก็เปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชันยุทธ์อีกคนมาอารักขาแทน
ฉินโยวโยวเดินมาถึงเบื้องล่างบันไดศิลานอกตำหนักอักษรก็บังเอิญพบฮ่องเต้สืบเท้ายาวเดินออกมาจากในตำหนักอักษรพอดี
ฮ่องเต้มองเห็นฉินโยวโยวก็เก็บอารมณ์หงุดหงิดโมโหบนหน้าลง กล่าวขึ้นยิ้มๆ “น้องสะใภ้น่ะเอง!”
ฉินโยวโยวหันหน้าไปมองเขาก่อนเอ่ยว่า “ท่านคิดจะออกศึกเอง? เกิดไปเจอเจียงหรูเลี่ยนเข้ามีแผนจะทำเช่นไร”
ฮ่องเต้ตอบด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย “ถึงอย่างไรมีหย่งเล่อนั่งบัญชาการอยู่ในเมืองหลวง อีกทั้งเราก็ไม่มีทางตาย น้องสะใภ้ไม่รู้สึกว่าให้เราออกรบถึงจะสมเหตุสมผลที่สุดหรือไร”
“ท่านไม่เป็นอะไรแน่ แต่บรรดาคนที่อารักขาท่านรวมถึงทหารที่ท่านนำทัพไปจะทำอย่างไร” คำถามของฉินโยวโยวตรงไปตรงมายิ่ง