แต่หลี่รั่วอวี๋จะยอมฟังคำอธิบายของซูเหมยได้อย่างไร เมื่อครู่ที่ถูกกระชากผม หนังหัวถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่ ความห้าวหาญที่หอเรียนในอดีตเป็นเพียงคำลืออย่างนั้นหรือ นางกระโจนไปกำผมของซูเหมยไว้ทันที แล้วกระชากอย่างแรง
ซูเหมยไม่ทันระวัง ถูกกระชากให้ก้มหัวลง เจ็บจนร้องไม่หยุด
ซูซิ่วกับหล่งเซียงรีบเข้าไปดึงตัวหลี่รั่วอวี๋ออกมา ในขณะที่กำลังวุ่นวาย ฉู่จิ้งเฟิงก็เดินเข้าห้องมาพอดี เขาขมวดคิ้วมองหลี่รั่วอวี๋ขี่อยู่บนหลังซูเหมย แล้วยื่นแขนไปยกตัวนางขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเช้านี้นายบ่าวจึงตีกันจนเป็นแบบนี้” ฉู่จิ้งเฟิงถามด้วยเสียงเย็นชา
ซูเหมยถูกกระชากจนผมหลุดลุ่ย พูดด้วยเสียงสะอื้น “บ่าวกำลังหวีผมให้ฮูหยิน ฮูหยินอาจจะอารมณ์ไม่ดี จึงตีบ่าวโดยไม่พูดไม่จา…”
หล่งเซียงคิดว่าซูเหมยยังโชคดี อย่างน้อยก็ไม่เหมือนคุณหนูสามหลี่เสวียนเอ๋อร์ที่ผมหลุดไปกระจุกหนึ่ง จึงรีบพูดแทนคุณหนูรองของตนเอง “คุณหนู…ฮูหยินนางไม่มีทางลงมือโดยไร้สาเหตุ เจ้าต้องทำอะไรให้ฮูหยินไม่พอใจแน่นอน…”
“ไม่พอใจก็ลงมือตีคนหรือ” ฉู่จิ้งเฟิงตัดบทคำพูดแย้งของหล่งเซียง ถลึงตามองหลี่รั่วอวี๋
หลังจากโบกมือไล่บ่าวเหล่านั้นออกไปแล้วจึงพูดเสียงแข็งว่า “หลี่รั่วอวี๋ ที่นี่ไม่ใช่คฤหาสน์สกุลหลี่ของเจ้า คนเป็นนายไม่พอใจก็ลงมือ นั่นเป็นวิธีของเจ้าถิ่นกักขฬะ เจ้าเป็นฮูหยินซือหม่า ไปลงมือทำโทษบ่าวไพร่เองได้อย่างไร”
เขาย่อมไม่รู้ถึงการกระทำของซูเหมย คิดไปว่าหลี่รั่วอวี๋โมโหส่งเดช เขาเคยเห็นคนปัญญาอ่อนบางคนบนถนนอารมณ์ไม่ดีก็ทุบตีคนส่งเดช ป่าเถื่อนราวกับสัตว์ป่า คิดถึงหลี่รั่วอวี๋ว่ามีทีท่าจะเป็นเช่นนี้ ใจเขาก็รู้สึกเจ็บ แต่ตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยตามใจนาง จนต่อไปหนักข้อกว่าเดิม
คำพูดใจดำโหดร้ายนี้หลี่รั่วอวี๋ไม่ค่อยเข้าใจ แต่นางรู้ว่าเขาโกรธแล้ว ความน้อยเนื้อต่ำใจของนางยังไม่คลายไปจึงพูดติดสะอื้นว่า “หวีผมให้รั่วอวี๋… เจ็บๆ…เจ็บมาก”
คราวนี้ฉู่จิ้งเฟิงยิ่งมั่นใจว่าหลี่รั่วอวี๋เอาแต่ใจจึงตัดสินใจจะดัดนิสัยของนาง จึงวางตัวนางลงบนเตียงอย่างแรง ปั้นหน้าบึ้งพูดว่า “หวีผมรู้สึกเจ็บก็ตีคน เจ้ายังนับว่ามีเหตุผลได้หรือ” พูดพลางดึงมือข้างหนึ่งของหลี่รั่วอวี๋มา แล้วตีสามทีด้วยน้ำหนักพอเหมาะ จากนั้นตำหนิว่า “ถ้าครั้งหน้าทำผิดอีก จะใช้ไม้ตี”
การตีสามทีนี้แม้จะไม่แรงมาก แต่เขาเป็นคนมีวรยุทธ์ หลี่รั่วอวี๋รู้สึกว่ามือแสบร้อน ความน้อยเนื้อต่ำใจระเบิดออกมาในทันที
นางโกรธจนตะโกนเสียงดัง กระโจนใส่ฉู่จิ้งเฟิง จับมือของเขาข้างที่ตีนางเมื่อครู่ขึ้นมาแล้วกัดลงไปพลางยกมือขึ้นข่วนหน้าของเขา
ฉู่จิ้งเฟิงเจอศัตรูมานับไม่ถ้วน แต่หญิงบ้าแบบนี้ได้เจอเป็นครั้งแรก แม้จะยับยั้งนางได้อย่างไม่ต้องใช้แรงมาก แต่เห็นท่าทางนางทั้งข่วนทั้งกัดเช่นนี้ ขณะที่เขาโมโหก็รู้สึกว่าท่าทางเหมือนลูกสุนัขนี้ก็น่ารักมากเช่นกัน… เพียงแค่เหม่อก็ทำให้นางได้เปรียบ บนหน้าถูกข่วนเป็นรอยเลือดหนึ่งรอย
เขารีบยกมือสองข้างของนางขึ้น แล้วกดตัวนางลงบนเตียง “หลี่รั่วอวี๋! เจ้าเป็นบ้าอะไร เมื่อวานบอกว่าไม่อยากเป็นเหมือนชายผู้นั้นที่ทั้งทุบและพังของไม่ใช่หรือ เหตุใดวันนี้จึงลงมือทำร้ายคนเล่า”
ถูกเขาตะคอกเช่นนี้ ร่างเล็กใต้มือก็ตัวเกร็งไปทันที
ฉู่จิ้งเฟิงเห็นใบหน้าน้อยเนื้อต่ำใจนั้นค่อยๆ ฉายความเศร้าใจจึงคลายมือ แล้วพูดตำหนิอีกว่า “ถ้ายังบ้าแบบนี้ต่อไป จะไม่ทุบตีแม้แต่ท่านแม่เจ้าหรอกหรือ ข้าว่าวันนี้อย่ากลับบ้านเลย เจ้าอยู่สำนึกในห้องนี้เถอะ”
พอพูดถึงตรงนี้ หลี่รั่วอวี๋ก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้คลุ้มคลั่ง แต่ขดตัวเป็นก้อนกลม ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ทะลักล้นออกมา “ไม่! ข้าต้องการท่านแม่ ข้าจะกลับบ้าน!”