ในเมื่อหลี่รั่วอวี๋คลายความอยากรู้แล้ว ฉู่จิ้งเฟิงก็ไม่อยากให้นางอยู่ที่นี่นานนัก จึงดึงผ้าคลุมหน้าที่หน้าของนาง แล้วลุกยืนเตรียมจะพาหลี่รั่วอวี๋เดินจากไป
ในตอนนี้เอง ยอดบุปผาฉู่หวั่นเหนียงกลับเดินลงจากแท่นแสดง ก้าวเท้ามาทางห้องของพวกเขา กวนป้าในใจคิดว่า… นายท่านมีวาสนาเรื่องสตรีจริงๆ หรือจะได้ยินคำพูดของฮูหยินแล้วจึงมาหาเรื่องด้วยตัวเอง
คิดไม่ถึงว่ายอดบุปผานั่นไม่ได้มองมาที่ฉู่จิ้งเฟิง แต่คารวะนอบน้อมให้กับหลี่รั่วอวี๋ “คุณหนูรองหลี่ ข้าน้อยรอจนได้พบท่านแล้ว ท่านมารับของที่ฝากไว้ใช่หรือไม่ ที่นี่คนมากวุ่นวาย ขอเชิญไปพูดคุยกันที่ลานด้านหลังเถิด”
หลี่รั่วอวี๋ที่ซ่อนใบหน้าอยู่หลังผ้าคลุมหน้าเบิกตาโต นางไม่รู้ว่าพี่สาวคนสวยผู้นี้เหตุใดจู่ๆ จึงมาเรียกนาง นางจึงมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
แต่ฉู่จิ้งเฟิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นสภาพการณ์นี้แล้ว ยอดบุปผาผู้นี้รู้จักหลี่รั่วอวี๋ด้วยหรือ! และเหมือนก่อนหน้านี้หลี่รั่วอวี๋ยังได้ฝากของอะไรไว้ที่นาง เขาจึงเกิดความสงสัยขึ้นมาทันใด
เขาจึงดึงมือของหลี่รั่วอวี๋ไว้อย่างไม่แสดงอาการ แล้วกระซิบข้างหูนางว่า “อีกครู่ไม่ต้องพูดอะไร ถ้าทำได้ดี จะซื้อโคมม้าวิ่งให้เจ้าอีกอันดีหรือไม่”
หลี่รั่วอวี๋ได้ฟังก็พยักหน้าอย่างตื่นเต้น จากนั้นรีบปิดปากแน่น
แล้วทั้งหมดก็เดินตามฉู่หวั่นเหนียงผู้นี้ไปยังศาลาพักร้อนที่ลานด้านหลัง
แขกเงินหนาเหล่านั้นเห็นฉู่หวั่นเหนียงไม่ได้ยกน้ำชาก็จากไป ย่อมไม่พอใจ โชคดีสาวใช้ด้านข้างบอกว่าฉู่หวั่นเหนียงจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้านหลัง หลังจากนี้จะกลับมาต้อนรับแขกทุกท่านอีกครั้ง แขกเหล่านั้นจึงหยุดโวยวายลงได้
เพราะหลี่รั่วอวี๋มีผ้าคลุมปิดหน้า ฉู่หวั่นเหนียงจึงไม่เห็นความงุนงงของนาง เรื่องที่คุณหนูรองหลี่ได้รับอุบัติเหตุบาดเจ็บ ที่เมืองเหลียวเฉิงบ้านเกิดแม้จะรู้กันทั่ว แต่ไม่ได้ลือมาถึงทางเหนือดินแดนห่างไกลนี้
ฉู่หวั่นเหนียงมีชาติกำเนิดในตระกูลขุนนาง แต่เพราะท่านปู่ล่วงเกินสกุลไป๋จึงถูกตั้งข้อหาความผิดตัดคอ ส่วนนางถูกจับมาเป็นนางโลมขุนนางอยู่ในหอคณิกา เพราะชาติกำเนิดนางทำให้มีประสบการณ์ไม่น้อย คบหาคนมีชื่อเสียงเป็นวงกว้าง มีการติดต่อคบค้าที่กว้างขวาง แต่ในจำนวนคนมีชื่อเสียงมากมายนี้ คนที่นางนับถือที่สุดคือคุณหนูรองหลี่ที่เก่งกาจเฉลียวฉลาดไม่แพ้บุรุษผู้นี้
ในอดีตตอนนางรับเทียบเชิญผนึกเงินไปท่องทะเลสาบ ถูกแขกเลวรังแก เพราะไม่ยอมตามใจจึงถูกโยนลงทะเลสาบโดยไม่มีผู้ใดช่วย ในตอนที่นางสำลักน้ำ คิดว่าต้องตายกลายเป็นอาหารปลา คุณหนูรองหลี่สั่งคนงานเรือให้ช่วยนางขึ้นมา แล้วบังคับเรือไปชนเรือสำราญของแขกเลวใช้อำนาจรังแกคนจนเป็นรูใหญ่ น้ำในทะเลสาบไหลเข้าเรือ จนกระทั่งบีบให้แขกเลวคุกเข่าโขกหัวบนดาดฟ้าหัวเรือขอโทษนาง คุณหนูรองหลี่จึงสั่งให้คนช่วยแขกเลวออกมาจากเรือที่ใกล้จมนั้น
แม้แต่ชายหนุ่มที่ชื่นชมในความงามของนาง ยังไม่กล้าล่วงเกินคนสกุลสูงศักดิ์เพื่อหญิงคณิกาผู้หนึ่ง นับประสาอะไรกับธิดาสกุลร่ำรวยผู้หนึ่ง! นางจึงรีบขอบคุณแล้วลงจากเรืออย่างรวดเร็ว จะได้ไม่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของคุณหนูใจดีผู้นี้
ทว่าคุณหนูรองหลี่ที่ตะลุยไปทั่วใต้จรดเหนือกลับพูดด้วยรอยยิ้มสดใส ‘อันธพาลเมื่อครู่บีบคุณหนูฉู่ให้ดื่มสุราจากรองเท้า คำร้องที่งดงามไพเราะของคุณหนูตรงไปตรงมา ไม่เสียทีที่เป็นชนรุ่นหลังของบัณฑิตฉู่ คุณหนูเป็นดอกบัวที่ซ่อนตัวอยู่ในโคลน แต่ความทะนงไม่ได้ลดลงไปเลย ช่างน่านับถือยิ่งนัก!’
ด้วยคำพูดนี้ ทำให้ฉู่หวั่นเหนียงเคารพชื่นชมในตัวคุณหนูรองหลี่ที่อายุไม่มากแต่กลับมีความกล้าหาญรักความยุติธรรม