ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน วาสนาคนเขลา บทที่เจ็ด-บทที่แปด
หลี่รั่วอวี๋คิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า แล้วส่ายหน้าอีกครั้ง
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เอ่ยถามขึ้นทันที “หมายความว่าอย่างไร”
หลี่รั่วอวี๋ตอบว่า “พี่ฉู่บอกว่าวันหน้าจะให้ข้าไปหอเรียน เป็นเรื่องดี แต่เขาตีข้า เป็นเรื่องไม่ดี”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ฟังถึงตรงนี้ก็ตกใจใหญ่ รีบดึงตัวบุตรสาวมาตรวจดูทั่วตัวแล้วถามอย่างตื่นตระหนก “เขาตีเจ้าที่ใด”
หลี่รั่วอวี๋ชี้ไปที่ฝ่ามือของตนเอง แล้วไม่ลืมที่จะพูดเสริมว่า “เขาไม่เพียงตีข้า…ยังตีบ่าวไพร่ด้วย กักขฬะอย่างมาก”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กุมมือขาวนวลนั้นเอาไว้ พลิกดูจนทั่ว ผิวพรรณขาวนวลทุกอณู เล็บนิ้วที่ตัดแต่งทาสีแดงด้วยสีทาเล็บที่ขึ้นชื่อ ทว่าไม่เห็นรอยบวมแม้แต่น้อย ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ช้อนตาขึ้นมองไล่ไปตามมืองามและแขนก็เห็นจุดพรหมจรรย์ที่แลบออกมาจากคอเสื้อนั้นยังอยู่ดีไม่จางหาย
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ตกใจอีกครั้ง ในใจมีเกลียวคลื่นถาโถมทันที ไม่สนใจความขวยเขินของบุตรสาว เอ่ยถามตามตรงว่า “เขานอนกับเจ้าแล้วหรือยัง”
หลี่รั่วอวี๋ไม่รู้ว่าเหตุใดท่านแม่จึงพูดแต่จุดนี้ไม่ยอมปล่อย แต่ก็ตอบตามตรง “นอนด้วยกันแล้ว”
“แล้ว…เขาแตะต้องเจ้าหรือไม่”
หลี่รั่วอวี๋ตอบอย่างไม่ขวยเขินว่า “เขาจูบนมของรั่วอวี๋ ยังแตะตรงนี้ด้วย” นางพูดพลางชี้ไปบริเวณใต้สะดือของตนเอง
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ฟังแล้วก็หน้าแดงทันที รู้สึกไม่สบายใจ… อมิตาภพุทธ มิน่าเล่าจึงอยากจะแต่งกับรั่วอวี๋ของพวกเรา เห็นเขารูปร่างสูงใหญ่ แต่กลับท่าดีทีเหลว คืนแต่งงานอยู่บนเตียงด้วยกัน แต่ร่างกายของบุตรสาวยังไม่มีตำหนิใด เห็นได้ว่าซือหม่าใช้ไม่ได้ ที่อยากจะแต่งกับคนปัญญาอ่อนที่ไม่รู้เรื่องราว ที่แท้ก็เพื่อปิดบังโรคของตนเองต่อหน้าคนอื่น
หลังจากเข้าใจจุดนี้แล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ก็พอวางใจลงได้ ขณะที่สงสารบุตรสาว นางก็ค่อยๆ มั่นใจขึ้น
ในเมื่อเรื่องนี้เขาไม่ไหว ภายหน้าก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะรับอนุมาทำให้บุตรสาวทนทุกข์แล้ว เพียงแค่สงสารบุตรสาว มิต้องอยู่โดดเดี่ยวไปชั่วชีวิตหรือไร
หลี่รั่วอวี๋กลับรู้สึกว่าท่านแม่ถามไม่ถูกประเด็น ตนเองถูกตี เรื่องร้ายแรงเช่นนี้ท่านแม่เหมือนไม่เก็บมาใส่ใจ นางจึงยู่ปาก
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ลูบผมของบุตรสาว คิดถึงหลี่เสวียนเอ๋อร์เห็นรูปท้องชัดเจนแล้ว โจวอี๋เหนียงใกล้จะได้เป็นยายแล้ว แต่บุตรสาวคนรองของตนเองกลับถูกกำหนดให้ไม่มีผู้สืบทอด ในใจก็รู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย
ในตอนวันแต่งงานส่งหลี่รั่วอวี๋ออกไป ผู้เฒ่าผู้นำสกุลหลี่ก็หาเวลาว่างมาพูดคุยกับนาง ความหมายคร่าวๆ ก็คือ หลี่เสวียนเอ๋อร์ไปร้องที่ศาลบรรพชนเรื่องที่ท่านแม่ตนเองถูกฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ไล่ออกจากคฤหาสน์สกุลหลี่
เรื่องมาถึงวันนี้ นางไม่หวังว่าท่านแม่จะกลับเข้าคฤหาสน์สกุลหลี่ แต่ป้าย ‘ฝ่าคลื่นล่องทะเล’ ที่เป็นลายมือของอดีตฮ่องเต้ที่แขวนสูงไว้บนศาลบรรพชนสกุลหลี่ต้องมอบให้กับผู้สืบทอดเคล็ดวิชาการต่อเรือสกุลหลี่ที่แท้จริง
ส่วนนางหลี่เสวียนเอ๋อร์เป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียว สกุลหลี่ตอนนี้มีเพียงชื่อเปล่า แม้หลี่รั่วอวี๋จะแต่งงานกับซือหม่า ก็ไม่คู่ควรจะครอบครองป้ายสกุลต่อเรือนี้!
ไม่โทษที่ผู้เฒ่าผู้นำสกุลหลี่มาพูดคุยแทนหลี่เสวียนเอ๋อร์ วิชาต่อเรือนี้เป็นรากฐานชื่อเสียงของสกุลหลี่ สกุลอื่นแม้จะไม่มีวาสนาได้เคล็ดวิชา แต่อู่เรือของสกุลหลี่แต่ละรุ่นล้วนมอบเงินรายได้จำนวนหนึ่งเข้าศาลบรรพชน เพื่อเป็นเงินกองกลางของสกุลหลี่ และเป็นเครื่องหมายของการได้ดีแล้วไม่ลืมรากเหง้า
ส่วนหลี่เสวียนเอ๋อร์ก็แสดงท่าทีทั้งเปิดเผยและเป็นนัยว่า หากไม่มอบแผ่นป้ายให้นาง วิชาของสกุลหลี่ก็จะต้องเปลี่ยนไปใช้แซ่เสิ่นนับจากนี้ นี่เป็นสิ่งที่ผู้เฒ่าสกุลหลี่รับผิดชอบไม่ไหว หนังสือประจำสกุลหน้าแรกบันทึกไว้ว่า… ‘สกุลหลี่ที่มาจากทะเลใต้ชำนาญการต่อเรือ ผ่านไปร้อยรุ่นก็ไม่เสื่อมถอย…’
หากมาถึงรุ่นของเขาแล้วต้องหยุดลง ไม่ต้องถูกด่าว่าเป็นลูกหลานสกุลหลี่ที่ไม่มีความสามารถไปหรือ
เมื่อเขาร่ายผลดีผลเสียให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ฟังแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ก็รู้สึกว่าคำด่านี้หนักเกินไป แต่จะให้นางมอบป้ายเกียรติยศของสกุลหลี่ให้กับลูกภรรยารองที่ลอบเรียนวิชาและขาดคุณธรรมผู้นั้น นางเองก็ไม่ยอม
ผู้เฒ่าผู้นำสกุลหลี่ถอนหายใจ บอกนางหากไม่อดทนกับเรื่องเล็กน้อยจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โต หลี่เสวียนเอ๋อร์นั่นก็ไม่อยากให้ชื่อเสียงเป็นหญิงที่ขาดคุณธรรมแล้วต้องเพิ่มข้อหาที่ว่าถูกแม่ใหญ่ไล่ออกจากบ้านอีกกระทง ตอนนี้การแต่งงานของบุตรสาวคนรองหลี่รั่วอวี๋ดีกว่าครั้งแรก ยังมีอะไรจะทนไม่ได้อีก สู้อภัยให้หลี่เสวียนเอ๋อร์ ให้นางดูแลอู่เรือ ทำงานต่อเรือที่หลี่รั่วอวี๋ยังทำไม่สำเร็จ ภายหน้าหากเสียนเอ๋อร์เติบโตแล้ว หากนางยังเห็นแก่ความดีของสกุลหลี่ก็ถ่ายทอดวิชาต่อเรือให้น้องชายก็พอ
‘ภาพครอบครัวสุขสันต์’ อันงดงามที่ผู้เฒ่าผู้นำสกุลหลี่วาดขึ้นมาภาพนี้เป็นเพียงความปรารถนา แต่พอฮูหยินผู้เฒ่าหลี่คิดถึงเรื่องใบรายการสั่งซื้อของอู่เรือที่ใกล้จะถึงกำหนดแล้วก็หัวโต
ช่างของอู่เรือล้วนมีความเชี่ยวชาญ ไม่ว่าทำงานร่วมกับผู้ใดก็สามารถต่อเรือใหญ่ธรรมดาลำหนึ่งออกมาได้ แต่เรือสินค้าของสกุลหลี่ก็ดี เรือรบก็ช่าง ล้วนมีเอกลักษณ์แตกต่างจากเรือลำอื่น ฝีมือในการคัดเลือกไม้ วัตถุดิบที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ยังมีฝีมือการวัดมุมเรือและวางรายละเอียดอีก
ด้วยเคล็ดวิชาที่ไม่ถ่ายทอดให้แก่ผู้ใดซึ่งแม้แต่คนงานเก่าเหล่านี้ก็ไม่รู้ ทำให้เรือของสกุลหลี่ถูกอดีตฮ่องเต้ทรงชื่นชมว่าเป็น ‘ฝ่าคลื่นล่องทะเล’
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ครุ่นคิดไปมา คิดว่าวิชามหัศจรรย์ของสกุลหลี่จะถูกทำลายด้วยมือหญิงเช่นตนไม่ได้ จึงเตรียมจะอดกลั้นความโกรธนั้น รับหลี่เสวียนเอ๋อร์กลับมา อย่างไรเสียนางก็เป็นบุตรสาวสกุลหลี่ หากไล่นางออกไป ทำให้เคล็ดวิชาของสกุลหลี่เผยแพร่สู่คนนอก ตนไม่กลายเป็นคนผิดของสกุลหลี่ไปหรือ