จีอู๋จิ้งปลดมุ้งลงด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วขึ้นเตียงนอนไป
กู้เจี้ยนหลีมองม่านมุ้งที่สั่นไหว คลองสายตาพร่ามัวด้วยหยดน้ำ นางใช้หลังมือเช็ดน้ำตาลวกๆ พลางมองไปทางมุ้งเตียงอย่างหวาดระแวง
มุ้งเตียงมีทั้งหมดสองชั้น ชั้นในทำจากผ้าเนื้อบางโปร่งแสง ชั้นนอกเป็นมุ้งผ้าต่วนหนักอึ้งสีเขียวไข่เป็ดปักลายทิวทัศน์มุมไกลของขุนเขาและม่านหมอก มุ้งผ้าต่วนทั้งหนาและหนัก บดบังแสงได้ จะปลดลงก็ต่อเมื่อหวาดกลัวอากาศหนาวของฤดูเหมันต์หรือยามนอนกลางวันเท่านั้น
กู้เจี้ยนหลียังคงมองมุ้งเตียงไม่ขยับเขยื้อน ต่อให้มุ้งที่สั่นไหวเบาๆ หยุดนิ่งก็ยังมองต่อโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา เหม่อมองต่อไปอยู่เช่นนั้น
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร กระทั่งผ้าฝ้ายในมือเริ่มเย็น นางค่อยรู้ตัวขึ้นมาว่าเวลาผ่านไปนานแล้ว
“นายท่านห้า?” นางเอ่ยเรียกอย่างระมัดระวังคราหนึ่ง
จีอู๋จิ้งไม่ตอบคำ
กู้เจี้ยนหลีเม้มปากพลางก้มมองผ้าในมือแล้วโยนลงไปในน้ำอุ่นใหม่ จากนั้นค่อยก้มลงหยิบ ทว่าส่วนยอดของไม้ดามซึ่งขนาบสองข้างของขาซ้ายที่งออยู่กลับกระแทกเข้ากับหัวเข่า ทำเอานางเจ็บจนร้องออกมา
นางใช้สองมือประคองขาซ้ายขึ้นมาให้ตรง จากนั้นค่อยหยิบผ้าในถังใหม่อีกครั้ง นางค้อมเอว พยายามบิดผ้าให้อยู่ใกล้ผิวน้ำที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังเกินไป ทุกคราวที่บิดผ้านางจะเงยมองไปทางมุ้งผ้าต่วนสีเขียวไข่เป็ดแวบหนึ่ง พอเห็นว่ามันไม่ขยับค่อยบิดผ้าต่ออย่างวางใจ
เพราะขาเคลื่อนไหวไม่สะดวก กู้เจี้ยนหลีจึงถอดกางเกงออกด้วยกิริยาที่ติดขัดถึงที่สุด จากนั้นก็รีบร้อนคลุมเสื้อคลุมกันลมบังร่างกายไว้แล้วหันมองไปทางเตียงอย่างรวดเร็ว นางนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งค่อยเช็ดล้างทำความสะอาดโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ตอนที่เปลี่ยนกางเกงนอนตัวใหม่ยังใช้เรี่ยวแรงไปมากอีก ในใจนางรู้สึกไม่สงบ กังวลว่าจีอู๋จิ้งจะเดินออกมาตามใจจึงเร่งรีบยิ่งขึ้น ยิ่งรีบร้อนก็ยิ่งเผลอถูกขาซ้ายโดยไม่ทันระวัง กว่าจะจัดระเบียบเรียบร้อยก็เจ็บเสียจนมีเหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผาก
กู้เจี้ยนหลีเอนพิงพนักเก้าอี้เมื่อผ่อนคลายลง ก่อนจะมองไปทางเตียงพลางพรูลมหายใจ นางพักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะประคองตนเองด้วยไม้เท้าที่วางไว้ข้างกายแล้วเคลื่อนตัวไปที่ข้างเตียงอย่างเชื่องช้า
นางแง้มมุ้งผ้าต่วนชั้นนอกสุดเปิดออก มองดูใบหน้าจีอู๋จิ้งผ่านม่านมุ้งสีม่วงอ่อนที่ชั้นใน เห็นว่าเขานอนคว่ำอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้านไม่ขยับเขยื้อน
กู้เจี้ยนหลียังแง้มมุ้งชั้นในออกให้มองเห็นชัดกว่าเดิม
จีอู๋จิ้งนอนกอดหมอนหลับสบาย ดูคล้ายหลับสนิทไปนานแล้ว
กู้เจี้ยนหลีคลายกังวลลงในที่สุด นางวางไม้เท้าไว้ด้านข้างก่อนนั่งลงริมเตียง หยิบหมอนจากมือจีอู๋จิ้งอย่างระมัดระวัง ทั้งยังเปลืองแรงไปกับการดึงผ้าห่มที่มุมเตียงมาคลุมให้เขาอีก
นางมองเสี้ยวหน้ายามหลับของเขาพลางพึมพำ “ดูเหมือนข้าจะเข้าใจท่านผิดไป ขออภัยด้วย”
จีอู๋จิ้งไม่ได้ยินวาจานี้ของนาง
กู้เจี้ยนหลีรู้ดีว่าเขาไม่ได้ยินจึงเอ่ยออกไป นางเอนกายลงนอนแล้วมองดูลวดลายทิวทัศน์มุมไกลของขุนเขาและม่านหมอกที่ปักลงบนมุ้งพักใหญ่ก่อนจะผล็อยหลับไปอีกครั้ง
ตอนที่จี้ซย่ายกยาเข้ามามองเห็นเสื้อผ้าสกปรกที่กู้เจี้ยนหลีถอดไว้ก็เข้าใจโดยพลันว่าผู้เป็นนายเป็นอะไรไป นางจึงวางยาลงแล้วหันกายออกวิ่งเหยาะๆ ไปต้มโจ๊กพุทราแดงที่ห้องครัว
ทว่าขณะที่เพิ่งล้างพุทราแดงจนสะอาดแล้วใส่ลงไปในหม้อจู่ๆ นางก็ชะงักการกระทำ เบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง
เดี๋ยวก่อน…เหตุใดฮูหยินไม่เรียกข้าเข้าไปปรนนิบัติ ผู้ใดหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่กับผ้าซับระดูให้นาง แล้วผู้ใดต้มน้ำให้นาง ยามนี้ขาของฮูหยินเคลื่อนไหวไม่สะดวก เช็ดทำความสะอาดก็ไม่สะดวก เช่นนั้นเป็นผู้ใดคอยช่วยเหลือนางล่ะ
หรือว่า…
จี้ซย่าตกตะลึงจนมือสั่น ทำหม้อร่วงลงพื้นตกแตกกระจาย