บทที่ 74
กู้เจี้ยนหลีละล่ำละลักพูด “หากยังไม่กลับอีกจะสายเกินไปแล้ว ท่านพ่อ ครั้งหน้าลูกจะไปเยี่ยมที่จวนอ๋องนะเจ้าคะ จี้ซย่า ปิดประตู”
“เจ้าค่ะ!” จี้ซย่ารับคำ ปิดประตูรถม้าแล้วไปนั่งลงที่ด้านหน้ารถกับฉางเซิง
“ไป!” ฉางเซิงสะบัดแส้เร่งให้รถม้าจากไป
กู้เจี้ยนหลีแง้มม่านตรงหน้าต่างรถม้าก่อนยื่นหน้ามองออกไปแล้วโบกมือให้ครอบครัวของตนเอง ทั้งสกุลกู้ล้วนไม่อาจทำใจให้นางจากไป มีเพียงกู้จิ้งหยวนที่ยังคงตีหน้าขรึม วันนี้เพราะบุตรสาวอยู่ด้วย บางถ้อยคำจึงไม่อาจกล่าวออกมาทั้งหมด เขาตัดสินใจว่าวันหลังจะหลบเลี่ยงกู้เจี้ยนหลีไปพูดคุยกับจีอู๋จิ้งตามลำพังให้ชัดเจน
รถม้าหักเลี้ยวจนไม่สามารถมองเห็นคนในครอบครัวแล้ว กู้เจี้ยนหลีปล่อยม่านรถม้าลงก่อนหันกลับมานั่งดีๆ นางพินิจดูสีหน้าของจีอู๋จิ้งแวบหนึ่งทว่าไม่อาจแยกแยะอารมณ์ของเขาได้ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นเสียงอ่อนโยน
“ท่านพ่อหาได้มีเจตนาร้าย ท่านอย่าโกรธไปเลย”
“ไม่มีเจตนาร้าย? คำพูดนี้เจ้าเอ่ยออกมาไม่รู้สึกกระดากเลยหรือ” จีอู๋จิ้งถาม
กู้เจี้ยนหลีไร้คำพูดไปชั่วขณะ ไม่รู้ควรแก้ต่างให้บิดาอย่างไร คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่ได้หาข้ออ้างให้บิดา กลับเอ่ยตามความจริงว่า “ท่านพ่อพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูก”
ยามนี้เองจีอู๋จิ้งจึงค่อยหันมามองนาง เขายื่นแขนออกมาเชยคางกู้เจี้ยนหลี ท้องนิ้วหัวแม่มือปัดผ่านคางของนางไปมาขณะเอ่ยถามด้วยเสียงเย็นชา
“พบบ้านสามีใหม่ที่เหมาะสมแล้วหรือยัง”
“แน่นอนว่ายัง!”
“แล้วจะเริ่มหาเมื่อไร จะรอหลังข้าตายหรือตอนที่ข้านอนติดเตียงใกล้จะหมดลม?”
กู้เจี้ยนหลีเอ่ยเสียงอู้อี้ “ท่านพ่อจะทำสิ่งใดข้าล้วนก้าวก่ายไม่ได้ แต่ข้าไม่เคยคิดเรื่องเหล่านี้ เรื่องของอนาคตยากจะหยั่งรู้ หากท่านจากไปก่อนจริงๆ ข้าย่อมรักษาธรรมเนียมไว้ทุกข์ให้อย่างเคร่งครัด”
“เพียงแค่ไว้ทุกข์?” จีอู๋จิ้งใบหน้าแย้มยิ้ม “ไม่ตายตามมาฝังรวมกับข้า?”
“ข้า…” กู้เจี้ยนหลีเพิ่งจะเอ่ยปากก็เห็นว่าสีหน้าของจีอู๋จิ้งแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา นัยน์ตาสีเข้มของเขาทอประกายสีแดงอยู่รางๆ แผ่กลิ่นอายดุดันกดทับจนนางกระทั่งหายใจยังลำบาก นางมองเขาอย่างอึ้งงัน ลืมวาจาที่จะพูดไปหมดสิ้น
ชั่วขณะหนึ่งกู้เจี้ยนหลีรู้สึกว่าจีอู๋จิ้งไม่ได้ล้อเล่น แต่จะบีบคอนางให้ตายตกฝังรวมไปกับเขาจริงๆ
ตอนที่ได้สติกลับมาจีอู๋จิ้งก็ปล่อยมือแล้ว อีกฝ่ายเอนพิงผนังรถม้าพลางหยิบลูกกวาดในกล่องไม้จันทน์ใส่ปากอย่างเกียจคร้าน ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มทำเอากู้เจี้ยนหลีคิดไปว่าท่าทางดุดันของเขาเมื่อครู่นั้นเป็นนางมองผิดไปเอง
ตลอดทางปราศจากคำพูดอื่นใดอีก กระทั่งถึงจวนก่วงผิงป๋อ จีอู๋จิ้งเป็นฝ่ายลงรถม้าจากไปก่อนโดยไม่แม้แต่จะมองนางสักแวบ
กู้เจี้ยนหลีทอดสายตามองแผ่นหลังของชายหนุ่ม รู้ได้ทันทีว่าเขาโกรธจริงๆ แล้ว นางนั่งอยู่ริมรถม้า เท้าขวากำลังเหยียบลงบนแท่นเหยียบ สองมือจับขาซ้ายวางลงก่อนลงจากรถม้าโดยมีจี้ซย่าคอยประคอง เคราะห์ดีที่ตอนลงยุ่งยากน้อยกว่าตอนขึ้นจึงยังไม่ถึงขั้นลำบากเกินไป
กู้เจี้ยนหลีค้ำไม้เท้าไปพลางให้จี้ซย่าประคองไปพลาง เดินเข้าไปในจวนอย่างเชื่องช้า นางก้มลงมองขาซ้ายของตนเองพลางเอ่ยขึ้น
“ดีที่อีกไม่กี่วันก็เอาไม้สองแผ่นนี้ออกได้แล้ว”
จี้ซย่ายิ้มตาม “ใช่แล้วเจ้าค่ะ อีกไม่นานท่านก็จะหายดีแล้ว”
เดิมทีกู้เจี้ยนหลีคิดจะไปหาจีซิงหลันทันที แต่บังเอิญว่าเด็กน้อยเพิ่งจะกินยาและนอนกลางวันไป กู้เจี้ยนหลีจึงไม่ได้ปลุกนางตื่นแต่กลับห้องไปก่อน
บ่าวในเรือนจีอู๋จิ้งเดิมก็มีน้อยอยู่แล้ว จีอู๋จิ้งกับกู้เจี้ยนหลีไม่อยู่ที่นี่ถึงเดือนครึ่งจึงไม่ได้ทำความสะอาดอย่างละเอียดมานาน จี้ซย่ากับฉางเซิงปัดกวาดเช็ดถูอย่างคล่องแคล่ว ฝ่ายแรกยังไม่ลืมที่จะต้มน้ำอุ่น กู้เจี้ยนหลีเหน็ดเหนื่อยอยู่บนรถม้าค่อนวันย่อมต้องการอาบน้ำเป็นแน่ บ่าวทั้งสองเก็บกวาดห้องให้เรียบร้อยก่อน น้ำอุ่นก็เตรียมพร้อมแล้ว ตอนที่ฉางเซิงไปกวาดลานเรือน จี้ซย่าก็ไปต้มยาให้กู้เจี้ยนหลีในครัว
กู้เจี้ยนหลีนั่งอยู่ที่มุมเตียงหลัวฮั่นพลางมองไปทางจีอู๋จิ้งที่อยู่บนเตียงนอน