กู้เจี้ยนหลีไม่ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้น หรือต่อให้ได้ยินนางก็คงมิได้ใส่ใจ สามเดือนมานี้นางฟังเสียงเหล่านั้นมามากพอแล้ว หลังจากจำนำของเรียบร้อยนางก็ไปซื้อยาที่ร้านยา อดทนจากสายตามองสำรวจที่แฝงเจตนาไม่ดีมากมายหลายคู่นั้นแล้วรีบกลับเรือนของตน
เวลานี้ครอบครัวสกุลกู้ทั้งสี่คนอาศัยอยู่ในเรือนน้อยสภาพซอมซ่อที่มีบ่าวผู้ซื่อสัตย์ยกให้ เรือนที่ว่านี้มีขนาดเล็กมาก ทั้งเรือนรวมกันยังใหญ่ไม่เท่าห้องนอนที่กู้เจี้ยนหลีเคยอยู่ด้วยซ้ำ ในเรือนมีห้องเพียงสองห้อง บิดา มารดาเลี้ยง และบุตรของนางพักรวมกันในห้องหนึ่ง ส่วนอีกห้องกู้เจี้ยนหลีพักอยู่ผู้เดียว ห้องที่นางพักอยู่นี้เดิมทีเป็นห้องครัวมาก่อน พื้นที่คับแคบยิ่ง แทบจะไม่มีที่เดินด้วยซ้ำ
กู้เจี้ยนหลีเพิ่งเดินมาถึงปากตรอกก็ได้ยินเสียงโต้เถียงดังสนั่นมาจากเรือนหลังนั้น เสียงแหบแห้งของมารดาเลี้ยงอย่างเถาซื่อ เสียดแทงโสตประสาทมากเป็นพิเศษ มือหนึ่งของเด็กสาวพลันกระชับยาในมือแน่น อีกมือจับกระโปรงแล้วออกวิ่งไปทางเรือนทันที
“พวกเจ้าจวนก่วงผิงป๋อมันก็แค่คนปลิ้นปล้อนที่ทั้งเลวทรามทั้งขี้ขลาดตาขาว! ไม่แปลกใจเลยที่ตกอับจนถึงขั้นนี้ ทีแรกจ้องจะสู่ขอบุตรสาวบ้านเราตาเป็นมัน ตอนนี้เห็นพวกเราเดือดร้อนกลับมาซ้ำเติมถึงที่! รังแกกันเพราะสามีข้านอนป่วยลุกไม่ขึ้นเช่นนี้ พวกเจ้าจะต้องได้รับกรรมแน่!” เถาซื่อตะโกนไปพลางร้องไห้ไปพลาง
กู้เจี้ยนหลีที่มาถึงหน้าประตูเรือนแล้วได้ยินคำพูดของเถาซื่อเข้าพอดี ในใจพลันกระตุกวูบ หรือว่า…จวนก่วงผิงป๋อมาถอนหมั้นแล้ว
ดวงตาของเด็กสาวฉายแววเยือกเย็นขึ้นเล็กน้อยก่อนหายวับไปอย่างรวดเร็ว นางขบริมฝีปากสีชมพูอ่อนของตนเองจนบนนั้นเกิดรอยฟันสีขาวขึ้น
หน้าประตูเรือนมีคนรอชมความครึกครื้นมากมาย ทว่าประตูเรือนปิดสนิทไม่ให้เห็นเหตุการณ์ภายใน แต่ละคนจึงทำได้เพียงเงี่ยหูฟังเสียง คราวนี้พอเห็นว่ากู้เจี้ยนหลีกลับมาแล้วก็หลีกทางให้เล็กน้อย
กู้เจี้ยนหลีเพิ่งจะเปิดประตูเรือน กลุ่มคนที่มาชมความครึกครื้นต่างก็พากันชะเง้อคอมองไปด้านในทันที
เถาซื่อที่นั่งกองอยู่กับพื้นพลันตะเกียกตะกายพลิกตัวลุกขึ้น แล้วคว้าถังไม้บรรจุน้ำสกปรกขึ้นสาดออกไปด้านนอก “ดูอะไรนักหนา! ถ้ายังดูอีกข้าจะควักลูกตาพวกเจ้าให้หมด!”
นางยังด่าทออีกหลายประโยค จากนั้นหยิบไม้กวาดตรงประตูขึ้นมากวัดแกว่งไล่ตามคนพวกนั้นไปจนถึงปากตรอก
ผู้ที่มาเป็นตัวแทนของจวนก่วงผิงป๋อในวันนี้คือพ่อบ้านซ่ง ด้านหลังยังมีบ่าวรับใช้อีกสองคนกับหีบห่อผ้าไหมสีแดงอีกสองใบ
กู้เจี้ยนหลีมองไปที่ผ้าไหมสีแดงบนหีบเหล่านั้นอย่างไม่เข้าใจ
ด้านพ่อบ้านซ่งคำนับทักทายกู้เจี้ยนหลีด้วยรอยยิ้มที่ไม่จริงใจนัก “คารวะคุณหนูรองสกุลกู้”
เด็กสาวยังจำได้ว่าคนผู้นี้ทำหน้าประจบประแจงเพียงใดตอนที่มาพบนางเมื่อคราวก่อน
“คุณหนูรองสกุลกู้ บ่าวนำสินสอดมามอบให้ อีกสามวันข้างหน้าเป็นฤกษ์งามยามดี ถึงเวลานั้นเกี้ยวเจ้าสาวจะมารับท่าน บ่าวขออวยพรล่วงหน้าให้ท่านกับนายท่านห้าครองรักกันจนแก่เฒ่า มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง!”
กู้เจี้ยนหลีเงยหน้าขึ้นโดยพลัน ดวงตาสุกใสคู่นั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ยามนางก้มหน้าก้มตาก็นับว่างามราวกับภาพวาดแล้ว ยามนี้เมื่อนางช้อนตาขึ้นมองผู้อื่น ก็ยิ่งนับเป็นความงดงามอีกแบบหนึ่ง
พ่อบ้านซ่งถึงกับนิ่งงัน เขาย่อมรู้ซึ้งถึงชื่อเสียงของสองหลีแห่งเมืองหย่งอัน ทว่ากู้เจี้ยนหลีอายุย่างสิบห้าปีเท่านั้น ยังไม่ถึงวัยงามสะพรั่ง พ่อบ้านซ่งจึงคิดมาตลอดว่านางงดงามไม่เท่าพี่สาว วันนี้เพิ่งจะรู้ว่าตนเองคิดผิดถนัด หากผ่านไปอีกสองปีเสน่ห์ของสตรีในตัวกู้เจี้ยนหลีปรากฏออกมาเด่นชัดแล้วไม่รู้ว่าจะงามล่มเมืองปานใด
ด้านกู้เจี้ยนหลีเตรียมใจจะถูกถอนหมั้นมานานแล้ว สกุลกู้ในยามนี้ตกต่ำลงมาก เดิมนางจึงคิดว่าจวนก่วงผิงป๋อส่งคนมาวันนี้เพื่อที่จะถอนหมั้น อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะมามอบสินสอดแทนนายท่านห้าสกุลจีของพวกเขา
นายท่านห้าสกุลจี…