“ฮูหยิน จะรับอาหารหรือไม่เจ้าคะ”
ยามนี้เลยเวลากินข้าวมานานแล้ว กู้เจี้ยนหลีก็มิได้เกร็งเช่นตอนเพิ่งเข้ามานั่งรอแล้วเช่นกัน พอได้ยินคำถามของหลินหมัวมัวจึงรู้สึกหิวขึ้นมานิดหน่อย หลินหมัวมัวรีบออกไปสั่งการที่ด้านนอก รอจนสำรับอาหารยกมาจึงค่อยพยุงกู้เจี้ยนหลีเดินอ้อมฉากกั้นออกมา
แม้อาหารจะธรรมดา ทว่าล้วนเป็นสิ่งที่กู้เจี้ยนหลีมิได้แตะต้องอีกหลังจากสกุลกู้เกิดเรื่อง
หญิงสาวค่อยๆ กินเข้าไปทีละคำน้อยๆ
ขณะเกี๊ยวเนื้อนุ่มละมุนเข้าปากกู้เจี้ยนหลีพลันนึกถึงสภาพการณ์ของตระกูลตนเองขึ้นมาพานให้จมูกแสบร้อน นางก้มศีรษะกลบเกลื่อนแววเศร้าสร้อยในดวงตา เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งแววตาหลงเหลือเพียงความนุ่มนวลใจเย็น
หลังยกสำรับออกไปแล้วหลินหมัวมัวที่เข้ามาปรนนิบัติกู้เจี้ยนหลีอาบน้ำสางผมเรียบร้อยก็ต้องรีบกลับไปดูแลคุณชายหกกับคุณหนูสี่ ยามนี้ในห้องจึงเหลือเพียงนางคนเดียวที่ต้องเผชิญหน้ากับจีอู๋จิ้ง…บุรุษที่นางไม่เคยพบ ซ้ำยังหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย และมิใช่คนที่นางยินยอมพร้อมใจจะตบแต่งด้วยผู้นี้อีกครั้ง
บนร่างของหญิงสาวที่เพิ่งอาบน้ำอวลไปด้วยกลิ่นอายหอมละมุนและความชุ่มชื้น กระโปรงสีแดงสดพลิ้วไหวยามนางก้าวเดินเชื่องช้ามาหยุดอยู่ข้างเตียงใหญ่ ก่อนมุ่นคิ้วมองไปทางร่างที่นอนอยู่บนนั้น
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งกู้เจี้ยนหลีจึงโน้มกายลงหอบผ้าห่มมงคลลายนกยวนยางขึ้นมา ทว่าไม่ทันระวังลากผ้าห่มที่คลุมอยู่บนร่างจีอู๋จิ้งมาด้วยเล็กน้อย นางตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบร้อนหอบผ้าห่มมงคลลายนกยวนยางไปวางไว้ที่เตียงหลัวฮั่นก่อนจะวกกลับมาที่เตียงใหญ่อีกครั้งอย่างลนลาน
เพราะเพิ่งอาบน้ำสางผม ผมของกู้เจี้ยนหลียามนี้จึงปล่อยสยาย นางทัดผมไว้ที่หลังหูก่อนเพื่อสงบจิตสงบใจ แล้วจึงค่อยโน้มกายลงห่มผ้าให้จีอู๋จิ้งอย่างระมัดระวัง ทว่าระหว่างนั้นกลับสัมผัสโดนหลังมืออีกฝ่ายด้วยความบังเอิญ ทำเอานางตกใจจนหดมือกลับ
ตั้งแต่อายุเจ็ดขวบบิดาก็ไม่ถูกเนื้อต้องตัวนางแล้ว จู่ๆ ก็สัมผัสตัวบุรุษแปลกหน้าเข้า ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดคับข้องอยู่บ้าง
นางหลุบตามองมือของจีอู๋จิ้ง มือของเขาไม่ใหญ่แต่กลับเรียวยาว มองเห็นข้อนิ้วได้ชัดเจนมากเป็นพิเศษ แต่มองได้แวบเดียวกู้เจี้ยนหลีก็ถอนสายตาแล้วเดินไปทางเตียงหลัวฮั่นเงียบๆ
จะให้นางกับจีอู๋จิ้งนอนร่วมเตียงนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ เคราะห์ดีที่หลังฉากกั้นมีเตียงหลัวฮั่นอีกหลัง แม้จะนอนไม่สบายเท่าเตียงใหญ่ แต่ก็นับว่าดีกว่าเตียงไม้ที่นางนอนมาตลอดสามเดือนมากนัก
หากเป็นการออกเรือนตามปกตินางย่อมไม่ดื้อดึงไม่ร่วมเตียงกับสามี แต่เหตุผลที่นางไม่ยินยอมจะร่วมหลับนอนบนเตียงเดียวกับจีอู๋จิ้งนั้นยากที่จะกล่าวออกมาตามจริงได้ นางเพียงแค่…กลัวว่าหากจีอู๋จิ้งเป็นอะไรไปยามดึกดื่นค่ำคืน ตอนเช้าตื่นมากว่านางจะรู้ตัวก็นอนร่วมเตียงกับศพมาคืนหนึ่งเต็มๆ แล้ว!
เวลานี้เป็นช่วงที่หนาวที่สุดในรอบปี ต่อให้ในห้องเผาถ่านให้ความอบอุ่น ทว่ากระถางไฟใบนั้นห่างจากเตียงหลัวฮั่นพอสมควร กู้เจี้ยนหลีค่อยๆ ขดตัวพลางมองไปทางเทียนมงคลคู่นั้นด้วยท่าทีเหม่อลอย
วันนี้เป็นวันที่นางถึงวัยปักปิ่น นางยังจำได้ว่าบิดาเคยสัญญาไว้ด้วยเสียงหัวเราะกังวานว่าจะจัดพิธีปักปิ่นให้นางอย่างยิ่งใหญ่ ในพิธีนี้นางจะได้รับแต่งตั้งเป็นท่านหญิง