ป่วยอยู่หลายวันจนร่างกายผ่ายผอมลงไม่น้อย คางก็แหลมแล้ว ทว่าคิ้วและตายังคงเหมือนเดิม ตรงแก้มขวาใกล้กับหูมีไฝดำเล็กๆ เท่าครึ่งเมล็ดงา ไม่สังเกตก็มองไม่ออก
รูปโฉมยังคงเดิม นิสัยกลับดูจะนิ่งเงียบขึ้นไม่น้อย ซึ่งฮูหยินผู้เฒ่าเจียงชอบเด็กที่นิ่งเงียบเรียบร้อยอยู่แล้ว นางจึงพูดยิ้มๆ “เมื่อก่อนเจ้าไม่เคยมีเวลาที่พูดกับข้าเช่นนี้ พอล้มป่วยก็ดูจะนิ่งเงียบขึ้นมาก”
แม้ว่าไม่กี่วันที่ผ่านมาเจียงชิงหว่านเพิ่งจะพบหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเจียงได้ไม่กี่ครั้ง ทั้งยังมิได้คุยอะไรกันมาก แต่นางก็มองออกว่าฮูหยินผู้เฒ่าเจียงเป็นคนแข็งกร้าว และคนแข็งกร้าวส่วนมากล้วนชอบเด็กที่ว่านอนสอนง่าย คิดว่าเจียงชิงหว่านในอดีตคงจะซุกซนเกินไป ถึงได้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้อาวุโส
“ข้าป่วยหนักคราวนี้ได้เดินเฉียดประตูยมโลก ในใจคิดตกได้หลายเรื่อง ที่ผ่านมาเป็นข้าไม่รู้ความ ทำให้ท่านย่ากับท่านแม่ต้องกลัดกลุ้มใจ ต่อไปข้าจะปรับปรุงตัวเสียใหม่ ไม่ว่าเรื่องใดก็จะล้วนเชื่อฟังท่านย่าเจ้าค่ะ”
ชาติก่อนหลังนางได้ประสบเรื่องเหล่านั้นมา ไม่ว่าอย่างไรก็ทำตัวให้สดใสร่าเริงเหมือนเสี่ยวชิงหว่านเมื่อก่อนไม่ได้อีก ดังนั้นจึงถือโอกาสอ้างเรื่องล้มป่วยบอกฮูหยินผู้เฒ่าเจียงเช่นนี้ เพื่อทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงคิดว่านางเปลี่ยนนิสัยไปแล้วจะดีกว่า ซ้ำยังสามารถทำให้อีกฝ่ายชื่นชอบได้ด้วย
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงได้ยินก็ยินดีตามคาด พยักหน้ากล่าวยิ้มๆ “หากเจ้าคิดได้เช่นนี้จริงๆ โทษที่เจ้าได้รับในหลายวันนี้ก็นับว่ามิได้เสียเปล่า” นางชะงักเล็กน้อยก่อนกล่าวอีกว่า “รอไปถึงเมืองหลวงแล้วย่าจะให้บิดาเจ้าเชิญคนมาสอนหนังสือและงานฝีมือให้ เจ้าจงตั้งใจเรียน วันหน้าย่าจะหาสามีที่ดีให้เจ้าแน่นอน”
เมื่อก่อนฮูหยินผู้เฒ่าเจียงเคยพูดกับเจียงชิงหว่านด้วยสีหน้าอ่อนโยนเป็นมิตรเยี่ยงนี้เสียที่ใด ส่วนใหญ่มีแต่ดุว่านางไม่รู้จักหาความก้าวหน้า ไม่มีระเบียบ แต่ตอนนี้ถึงกับบอกว่าวันหน้าจะหาสามีที่ดีให้นาง…
ในใจเหยาซื่อยินดีเป็นอย่างมาก รีบบอกให้เจียงชิงหว่านขอบคุณท่านย่า ส่วนตนเองก็เอ่ยปากขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าเจียงตามหลังด้วยเช่นกัน ซ้ำยังเดินไปรับปิ่นในมือเถาเยี่ยมาปักลงบนมวยผมให้ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงพลางสนทนากับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแผ่วเบา
เวลานี้เองจิ่นผิงก็ถือกล่องอาหารเข้ามา เป็นอาหารเช้าที่หญิงรับใช้เตรียมไว้ให้ เถาเยี่ยจึงรีบเดินไปช่วย
ครั้นอาหารจัดวางเรียบร้อย เหยาซื่อก็ประคองฮูหยินผู้เฒ่าเจียงไปนั่งลงบนเก้าอี้ จับตะเกียบคีบกับข้าวให้ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงด้วยตนเอง
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงเรียกเจียงชิงหว่านมานั่งด้วยกัน เมื่อพวกนางกินเสร็จ ท้องฟ้าที่ด้านนอกก็สว่างมากแล้ว
แม้จะเป็นอาหารที่บรรดาหญิงรับใช้ยืมครัวโรงเตี๊ยมทำออกมา แต่อุปกรณ์ทั้งหมดล้วนเป็นของที่นำมาเอง จิ่นผิงกับเถาเยี่ยรีบเก็บถ้วยชามแล้วนำไปที่โรงครัวด้านล่างเพื่อให้หญิงรับใช้ล้าง ก่อนจะขนข้าวของของพวกฮูหยินผู้เฒ่าเจียงไปไว้ในรถม้า แล้วถึงขึ้นมาเชิญฮูหยินผู้เฒ่าเจียงกับพวกเหยาซื่อลงไป
เหยาซื่อไม่วางใจร่างกายของเจียงชิงหว่าน จึงบอกให้จิ่นผิงประคองอีกฝ่าย ส่วนตนก็ประคองฮูหยินผู้เฒ่าเจียง