สาวใช้รับคำ ก่อนหันหลังทำท่าจะเดินไป แต่ก็ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเจียงเอ่ยปากพูดว่า “ไม่ต้องไป” ก่อนจะหันหน้าไปพูดกับเจียงเทียนโย่วว่า “หลายปีมานี้เจ้ากับแม่ของหว่านเจี่ยแยกกันอยู่คนละที่มาตลอด จะต้องมีเรื่องให้คุยกันมากมายเป็นแน่ คืนนี้เจ้าไปที่เรือนหลิวเซียงแล้วกัน พวกเจ้าสองคนไปด้วยกัน โคมไฟดวงเดียวก็พอแล้ว”
จะอย่างไรก็เป็นสามีของตน ซ้ำยังอยู่แยกกันคนละที่มาตลอดหลายปี อันที่จริงในใจเหยาซื่อก็อยากให้เจียงเทียนโย่วไปที่เรือนนาง แต่นางหน้าบาง มักกระดากที่จะเอ่ยปาก คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงจะถึงกับเป็นฝ่ายเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา
ทั้งหัวใจเหยาซื่อเต็มไปด้วยความปีติยินดีในทันที ซ้ำยังมีความเขินอายอยู่ด้วย นางจึงก้มหน้าลง
เจียงเทียนโย่วกลับอึ้งไปเล็กน้อย
ในใจเขาคิดว่าแม้เหยาซื่อจะเป็นภรรยา แต่เขาไม่เคยคิดจะไปค้างที่เรือนของนางมาก่อน
คนเขาอายุตั้งสามสิบห้าสามสิบหกเข้าไปแล้ว จะสู้หญิงสาวอายุน้อยได้อย่างไร แม้แต่เมิ่งอี๋เหนียงเองเวลาอยู่บนเตียงเขาก็ยังมีเบื่อหน่ายบ้างเป็นบางครั้ง รู้สึกว่าไร้ความแปลกใหม่ ทว่าเมิ่งอี๋เหนียงมีฝีมือแพรวพราว มักจะเอาอกเอาใจอย่างระมัดระวัง ในใจเขาเองก็ละอายต่อนาง ดังนั้นถึงจะไปหาสาวใช้อุ่นเตียงอายุน้อยเป็นครั้งคราว แต่สุดท้ายในใจเขาก็ยังคงเห็นนางสำคัญที่สุด
แต่ในเมื่อมารดาเอ่ยปากเช่นนี้แล้ว เจียงเทียนโย่วก็ได้แต่ตอบตกลง
เห็นพวกเขาสองคนเดินออกจากเรือนซงเฮ่อและสาวใช้ปิดประตูเรือนแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงถึงได้หันหน้ามามองเจียงชิงหว่านปราดหนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “เจ้าตั้งใจดึงมารดาเจ้าให้อยู่คุยกับเจ้าก็เพราะอยากให้บิดาเจ้าไปที่เรือนหลิวเซียงในคืนนี้กระมัง”
ถูกมองออกเสียแล้ว
เจียงชิงหว่านรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเจียงเป็นคนฉลาดหลักแหลม ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ต้องปิดบัง จึงกล่าวว่า “แม้ว่าเมื่อก่อนท่านแม่จะตัดพ้อต่อว่าท่านพ่อต่อหน้าข้าเป็นบางครั้ง แต่ข้ารู้ว่าที่จริงในใจนางคิดถึงท่านพ่อมาก ทว่านางหน้าบาง กระดากที่จะเอ่ยปากบอก ข้าจึงอยากช่วยท่านแม่สักครั้งเจ้าค่ะ” พูดถึงตรงนี้เจียงชิงหว่านก็ยิ้มพลางคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเจียง “เรื่องในคืนนี้ยังคงต้องขอบคุณที่ท่านย่าที่ช่วยเหลือ มิเช่นนั้นจะต้องไม่สำเร็จเป็นแน่”
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงใช้นิ้วดีดหน้าผากเจียงชิงหว่านหนึ่งที ก่อนต่อว่ายิ้มๆ “ข้ารู้อยู่แล้ว อุบายเล็กๆ เหล่านี้ของเจ้าปิดบังข้าได้เสียที่ใด”
น้ำเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าเจียงอ่อนโยน หาได้มีแววโมโหไม่
อีกอย่างนางก็ชอบเด็กฉลาด ยอมรับที่เจียงชิงหว่านเล่นลูกไม้เล็กๆ ต่อหน้านางได้ แต่ก็ต้องยอมสารภาพกับนางตามจริง ห้ามหลอกนางเหมือนนางเป็นคนโง่เด็ดขาด
เจียงชิงหว่านยิ้มพลางเยินยอนางสองสามคำ จากนั้นคนทั้งสองก็คุยกันอีกเล็กน้อยแล้วแยกย้ายกลับเข้าห้องไปพักผ่อน