มีคำสั่งให้รุ่ยเซียงไปคุกเข่าในลานเรือนข้างนอก
รุ่ยเซียงโอดครวญในใจแต่ก็ไม่กล้าทักท้วง ได้แต่ไปคุกเข่าอยู่ในลานเรือนข้างนอกอย่างสงบเสงี่ยม
เจียงชิงเซวียนกับเจียงชิงอวิ๋นเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งมีท่าทีเคารพนบนอบต่อฮูหยินผู้เฒ่าเจียงมากขึ้นกว่าเก่า ทว่าสายตายามมองเจียงชิงอวี้ยังคงมีประกายความสุขบนความทุกข์ผู้อื่นอยู่เล็กน้อย
เมื่อก่อนเจียงชิงอวี้ไม่เคยเห็นพวกนางสองพี่น้องอยู่ในสายตา รู้สึกว่าพวกนางสองคนเกิดจากอนุภรรยา มีฐานะต่ำต้อย ทว่าตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงมาแล้ว เจียงชิงอวี้ก็กำเริบเสิบสานไม่ได้อีก
เมื่อวานให้เจียงชิงอวี้คุกเข่าพักใหญ่ ซ้ำยังลงโทษให้นางคัดจรรยาสตรีอีก วันนี้แม้จะไม่ได้ลงโทษนางอย่างโจ่งแจ้ง แต่ลงโทษให้สาวใช้ของนางคุกเข่าแทน เท่ากับทำให้นางขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลเช่นกัน
ในใจเจียงชิงอวี้ตอนนี้โมโหเหลือประมาณ
สาวใช้ของผู้อื่นยังอยู่ดี สาวใช้ของนางกลับต้องไปคุกเข่าในลานเรือน เพียงแต่พอนางจะเอ่ยปากท้วงติง เงยหน้าขึ้นมาเห็นสีหน้าเย็นชาของฮูหยินผู้เฒ่าเจียง สุดท้ายแล้วก็ยังคงกลืนถ้อยคำทั้งหมดกลับลงไป
ทุกคนต่างได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเจียงกำลังพูดด้วยเสียงน่าเกรงขาม “พวกเจ้าทุกคนจำไว้ให้ดี พวกเจ้าเป็นคุณหนูของจวนป๋อ เป็นธิดาตระกูลใหญ่ ก็สมควรต้องมีกฎระเบียบตามที่ธิดาตระกูลใหญ่พึงมี เมื่อก่อนข้าไม่อยู่ที่เมืองหลวง ไม่มีใครดูแลความประพฤติพวกเจ้า ต่อไปสมควรต้องตั้งกฎระเบียบขึ้นมาแล้ว มิเช่นนั้นให้คนนอกรู้เข้าคงได้หัวเราะว่าคุณหนูของจวนป๋อเราไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน”
พวกเจียงชิงเซวียนและเจียงชิงหว่านต่างรีบลุกขึ้นตอบรับด้วยเสียงเคารพนบนอบ เจียงชิงอวี้เองก็ได้แต่รับคำตามไปด้วย
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงพยักหน้า สายตามองเจียงชิงอวี้ปราดหนึ่ง จากนั้นก็สั่งให้สาวใช้ยกอาหารขึ้นโต๊ะ
ครั้นกินอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย คนทั้งหลายก็นั่งคุยเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่าเจียงอีกครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแยกย้ายกลับไป
เจียงชิงหว่านเองก็กลับไปเรือนปีกตะวันออกของตนเองเช่นกัน นางหยิบหนังสือสองสามเล่มที่ซื้อระหว่างทางมาอ่าน หลังกินอาหารกลางวันเสร็จก็รู้สึกอ่อนเพลียอยู่บ้าง จึงเอนตัวงีบบนเตียงเตาไม้ริมหน้าต่างครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไปเรือนหลักเพื่อคุยกับฮูหยินผู้เฒ่าเจียง
ครั้นถึงยามเซินเจียงเทียนโย่วก็กลับมา ซ้ำยังนำกล่องของขวัญกลับมาด้วยจำนวนมาก เขาสั่งให้สาวใช้นำมาที่เรือนซงเฮ่อเพื่อให้ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงดู
เจียงชิงหว่านมองดูอยู่ข้างๆ เห็นว่ามีคทาสมปรารถนาทำจากหยกขาวสลักลายต้นสนและหลินจือ ที่ทับกระดาษหยกเขียวสลักลายทิวทัศน์และผู้คน ผ้าไหมแพรพรรณหลากสีสันจากหูโจวหางโจวอีกหลายพับ และยังมีไม้จันทน์แดงหนึ่งท่อนใหญ่วางอยู่ในกล่องลงรักเขียนลายทอง
แต่ละอย่างล้วนเป็นของล้ำค่าราคาแพง มองออกได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเจียงพอใจยิ่ง กล่าวชมเจียงเทียนโย่วไปหลายคำ
เจียงเทียนโย่วจึงถามว่า “ท่านแม่ ท่านคิดจะไปเยี่ยมเยียนทางนั้นเมื่อไร ลูกจะสั่งให้คนเตรียมรถม้าแล้วเรียกองครักษ์มาคุ้มกันท่านไปส่ง”
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงคิดแล้วเอ่ยว่า “วันพรุ่งนี้เลยแล้วกัน”
มองเห็นเจียงชิงหว่านที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวว่า “หว่านเจี่ย วันพรุ่งนี้ก็ตามข้าไปด้วย”
เจียงชิงหว่านเพียงแค่นึกว่าฮูหยินผู้เฒ่าเจียงจะไปเยี่ยมมิตรสหายเก่าสักบ้านหนึ่ง จึงตอบรับด้วยเสียงเคารพนบนอบ
ตนเดานิสัยใจคอของฮูหยินผู้เฒ่าเจียงได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว ไม่ว่าเรื่องใดขอเพียงไม่เอ่ยขัดนาง เชื่อฟังนาง ทำตัวเป็นหลานสาวที่ว่านอนสอนง่าย อันที่จริงนางก็แสดงออกว่ารักใคร่เอ็นดูหลานผู้นั้นเป็น
อีกทั้งเจียงชิงหว่านก็กระจ่างใจดีว่าตอนนี้อยู่ในจวนหย่งชางป๋อ ตนจำเป็นต้องได้ความรักใคร่เอ็นดูจากฮูหยินผู้เฒ่าเจียง
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนบอกเจียงชิงหว่านว่าวันพรุ่งนี้ให้เลือกเครื่องแต่งกายที่หรูหราสักหน่อย เจียงชิงหว่านก็ล้วนรับปากทุกอย่าง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 01 ก.ย. 64 เวลา 12.00 น.