บทที่ 22 สหายสนิทในชาติก่อน
แม้จะผ่านมาถึงปัจจุบัน เจียงชิงหว่านก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดซุนอิ้งเซวียนถึงทำกับนางเช่นนั้น อีกฝ่ายมีสิทธิ์อันใดมาทำกับนางเช่นนั้นด้วย
มารดาของซุนอิ้งเซวียนเป็นบุตรสาวช่างตัดเสื้อ บิดาเป็นนายกองอยู่ที่อวิ๋นโจว เพียงแต่ในบ้านเขามีนายหญิงอยู่แล้ว นายหญิงผู้นั้นมีนิสัยเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ถึงมารดาของซุนอิ้งเซวียนจะคลอดเด็กออกมาแล้วก็ยังคงไม่อนุญาตให้พวกนางสองแม่ลูกเข้าบ้าน นายกองซุนจนปัญญา ได้แต่เช่าเรือนให้พวกนางแม่ลูกอยู่ อาศัยจังหวะที่นายหญิงเผลอไปเยี่ยมเป็นครั้งคราว ทว่าเบี้ยหวัดเงินเดือนล้วนให้นายหญิงไปหมด ดังนั้นซุนอิ้งเซวียนกับมารดาจึงมีชีวิตลำบากยากแค้นยิ่ง
หลังจากเจียงชิงหว่านได้รู้จักกับซุนอิ้งเซวียน เห็นอีกฝ่ายน่าสงสารจึงช่วยจุนเจือพวกนางแม่ลูกเป็นประจำ ซ้ำยังสอนให้ซุนอิ้งเซวียนรู้หนังสือ แม้ต่อมานางจะตัดสัมพันธ์กับบิดา แต่งงานกับชุยจี้หลิง ในมือไม่มีเงินเหลือใช้เหมือนเมื่อก่อน ก็ยังมักจะไปเยี่ยมเยียนอีกฝ่าย คอยช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้
นางเห็นซุนอิ้งเซวียนเป็นสหายสนิทเสมอมา ถึงแม้ภายหลังนางจะตามชุยจี้หลิงไปกานโจว ทว่าไม่นานซุนอิ้งเซวียนก็ยังตามมา นางก็ยังให้อีกฝ่ายพักอยู่ด้วย
ไม่คิดว่าจะเป็นการชักศึกเข้าบ้านโดยแท้
ดังนั้นพอได้เห็นซุนอิ้งเซวียนในยามนี้ แม้เจียงชิงหว่านจะรู้สึกว่าเรื่องในชาติก่อนล้วนผ่านไปแล้ว นางไม่อยากไปคิดถึงอีก แต่ในใจก็ยังคงรู้สึกไม่ดี
นางจึงเบือนหน้าไปมองภาพสลักนูนต่ำรูปดอกโบตั๋นและดอกไห่ถังบนกำแพงกั้นด้านข้าง
เวลานี้ซุนอิ้งเซวียนกลับมองเห็นพวกนางสองย่าหลานแล้ว สายตาพินิจมองขึ้นลงเล็กน้อย เห็นพวกนางสองคนแต่งกายหรูหรา อีกทั้งเจียงชิงหว่านก็ดูงดงามหยาดเยิ้มนิ่มนวลตรึงใจจึงถามปี้อวี้ “สองท่านนี้คือ…”
ปี้อวี้ยอบตัวคารวะซุนอิ้งเซวียน เอ่ยเรียกว่า “แม่นางซุน” จากนั้นก็ตอบว่า “สองท่านนี้คือฮูหยินผู้เฒ่าและคุณหนูของจวนหย่งชางป๋อเจ้าค่ะ”
จากนั้นก็กล่าวแนะนำต่อฮูหยินผู้เฒ่าเจียงและเจียงชิงหว่าน “ท่านนี้คือบุตรสาวของผู้บังคับการซุนแห่งกองกำลังรักษาเมืองหลวงเจ้าค่ะ”
ซุนอิ้งเซวียนรู้ว่าหย่งชางป๋อคือเจียงเทียนโย่ว และขณะเดียวกันเจียงเทียนโย่วก็เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการของกองกำลังรักษาเมืองหลวง มีตำแหน่งสูงกว่าบิดานางที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของอีกฝ่าย
ในเมื่อสองคนตรงหน้านี้เป็นมารดาและบุตรสาวของหย่งชางป๋อหรือก็คือผู้ช่วยผู้บัญชาการเจียง ซุนอิ้งเซวียนจึงได้แต่ยอบตัวคารวะพวกนางสองคน ก่อนกล่าวอย่างเคารพนบนอบ “ผู้น้อยซุนอิ้งเซวียนคำนับฮูหยินผู้เฒ่าและคุณหนูเจียง”
เจียงชิงหว่านไม่ได้มองซุนอิ้งเซวียนและไม่ได้คารวะตอบ
เมื่อครู่เจียงชิงหว่านมองเห็นซุนอิ้งเซวียนยังทำทรงผมของหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน ปี้อวี้เองก็เรียกนางว่า ‘แม่นางซุน’ จึงรู้ว่าอันที่จริงนางยังไม่ได้แต่งงาน
ตอนนั้นนางมิใช่ตั้งครรภ์บุตรของชุยจี้หลิง ซ้ำยังบอกว่านางกับชุยจี้หลิงมีใจให้กันหรือไร ระหว่างนั้นเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ ถึงได้ไม่มีบุตรของพวกเขาสองคน อีกทั้งชุยจี้หลิงก็ไม่ได้แต่งนางเป็นภรรยาหรือรับนางเป็นอนุภรรยา