ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงจึงมองอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้งอึดใจหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวไม่ช้าไม่เร็วว่า “คนเราน่ะ ไม่ว่าเมื่อไรก็ต้องจำให้ดีว่าตนอยู่ในฐานะใด เช่นนี้ถึงจะรักษาหน้าที่ของตนได้ เข้าใจว่าเรื่องใดสมควรกระทำ เรื่องใดไม่สมควรกระทำ”
เมิ่งอี๋เหนียงรู้สึกราวกับถูกตบหน้าอย่างแรง เจ็บแสบเหลือกำลัง
แม้จะมีโทสะจุกอก แต่ภายนอกกลับยังคงพูดอย่างโอนอ่อนผ่อนตามว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งสอนได้ถูกต้อง ผู้น้อยน้อมรับคำสั่งสอนเจ้าค่ะ”
พูดจบ สายตานางก็มองไปทางเจียงเทียนโย่วปราดหนึ่ง ท่าทางดูอ่อนแอทำอะไรไม่ถูก
เจียงเทียนโย่วเห็นแล้วก็ใจอ่อน จึงคิดจะเอ่ยปากพูดกับฮูหยินผู้เฒ่าเจียงแทนนาง แต่ยังไม่ทันอ้าปากก็ได้ยินเจียงชิงอวี้พูดขึ้นด้วยความเดือดดาลเสียก่อน “อี๋เหนียงของข้าแค่มอบของให้นางด้วยความหวังดี นางไม่ต้องการก็ช่างเถิด แต่เหตุใดต้องทำเหมือนว่าอี๋เหนียงของข้าคิดทำร้ายนาง ถึงขั้นต้องมาว่าอี๋เหนียงของข้ารุนแรงเช่นนี้ ช่างไม่เข้าใจความหวังดีของผู้อื่นโดยแท้!”
เจียงชิงหว่านมองเห็นเจียงชิงอวี้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
ตลอดทางมานี้นางตะล่อมถามจิ่นผิงและเหยาซื่อจนรู้ว่าบัดนี้เจียงเทียนโย่วมีบุตรสาวสี่คนและบุตรชายหนึ่งคน ในจำนวนนั้นมีเจียงชิงอวี้ที่เกิดจากเมิ่งอี๋เหนียง และถือเป็นบุตรสาวที่เจียงเทียนโย่วชอบที่สุด
เจียงชิงอวี้สวมเสื้อผ่าหน้าสีแดงทับทิมลายดอกเยวี่ยจี้บนคอเสื้อถึงกับปักด้วยดิ้นทอง ปิ่นที่ปักอยู่บนศีรษะก็ล้วนเป็นปิ่นทองแท้ฝังอัญมณีหลากสี ดูหรูหราราคาแพงยิ่ง
ดูเหมือนอยากจะประโคมของดีทั้งหมดที่มีไว้บนตัวใจแทบขาด เพื่อบอกให้ผู้อื่นรู้ว่านางมีฐานะสูงศักดิ์อย่างไรอย่างนั้น
เจียงชิงหว่านเลื่อนสายตาไปทางอื่น
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงรักหน้าตาออกปานนั้น อีกทั้งยังเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับลำดับศักดิ์อย่างมาก แต่บัดนี้กลับถูกหลานสาวสายรองนางหนึ่งโต้เถียงต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้…
เกรงว่าวันนี้เจียงชิงอวี้ผู้นี้คงได้เจอดีเป็นแน่
เวลานี้เมิ่งอี๋เหนียงชักจะร้อนใจแล้ว คิดไม่ถึงว่าบุตรสาวของตนจะสะกดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ถึงเพียงนี้ นี่มิใช่เท่ากับยื่นด้ามมีดใส่มือฮูหยินผู้เฒ่าเจียง รอให้อีกฝ่ายจับเชือดหรือไร
เก่งแต่ทำให้เสียเรื่องโดยแท้
เมิ่งอี๋เหนียงจึงหันไปตวาดเจียงชิงอวี้ “เจ้าพูดเยี่ยงนี้กับท่านย่าของเจ้าได้อย่างไรกัน รีบคุกเข่าขออภัยท่านย่าเดี๋ยวนี้ ขอให้ท่านย่าเจ้ายกโทษให้เสีย!”
ในใจเจียงชิงอวี้นึกดูถูกฮูหยินผู้เฒ่าเจียง รู้สึกอยู่ตลอดว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงหญิงชราจากชนบท นางจึงไม่ยอมคุกเข่า ซ้ำยังสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น สีหน้าดูถูกดูแคลนยิ่ง
เจียงเทียนโย่วร้อนใจ ในใจก็เริ่มมีโทสะบ้างแล้วเช่นกัน