เสียงใครบางคนที่เธอคิดว่าเป็นทาเอโกะร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้น และไม่รั้งรอที่จะก้าวเข้าไปหา โดยมีเพื่อนๆ อีกสองคนสาวเท้าตามแบบไม่ยอมน้อยหน้า ส่วนชาคริยาได้แต่ยืนมองตามด้วยความประหลาดใจว่าทำไมซามูไรตาฟ้าคนนั้นถึงมาอยู่ที่นี่ได้
“มาร์คออกเรือด้วยหรือคะคราวนี้”
เสียงใสๆ ของสาวน้อยมาริโกะถามดังมาให้เธอได้ยิน มาร์คยิ้มรับนิดๆ ที่มุมปาก หากมาดแสนเท่ในความรู้สึกของสาวๆ ญี่ปุ่นกลับดูแสนเก๊กในความรู้สึกของสาวไทยยิ่งนัก
“ใช่ครับ ออกเรือไปเก็บตัวอย่างด้วยครับ ผมกับยามาดะ” เขาหันไปหาเพื่อนที่ร่างเตี้ยกว่ากันเกือบคืบที่รีบมายืนเสนอหน้าด้วยรอยยิ้มหว่านเสน่ห์ใส่สามสาวข้างๆ
“ไม่เห็นรู้เลย ในตารางการเดินทางก็ไม่เห็นมี” อาเคมิอ้างถึงตารางรายละเอียดการออกเรือสำรวจที่ได้รับแจกมาเมื่อสามวันก่อน มาร์คยิ้มอีกครั้ง…ยิ้ม…ที่ทำเอาสาวๆ หัวใจแทบจะละลาย
“พอดีอาจารย์ผมเปลี่ยนแผนกะทันหันน่ะครับ ตอนแรกว่าจะออกเรือเก็บตัวอย่างต้นเดือนหน้า แต่พอดีเห็นทางนี้ก็ออกเรือเหมือนกัน เลยไปพร้อมกันดีกว่า ประหยัดค่าน้ำมันด้วย”
เขาอธิบายก่อนจะเอ่ยขอตัวไปขนของต่อ โดยมีสายตาอาลัยอาวรณ์ของสามสาวมองตาม
“ออกเรือคราวนี้ต้องสนุกแน่ๆ” อาเคมิว่าตาลอยบนรถที่กำลังแล่นตรงกลับไปยังมหาวิทยาลัย ชาคริยามองเขม่น…ไม่ใช่เขม่นสาวอาเคมิ หากเขม่นคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ต่างหาก ซามูไรตาฟ้าคนนั้น
“ทำไมต้องสนุก” เสียงถามแสนกวนแต่สาวๆ ไม่มีเวลามานั่งสนใจ เพราะตอนนี้หน้าคมเข้มที่เป็นผลพลอยได้ของการผสมผสานเข้ากันอย่างดีระหว่างเลือดตะวันตกกับตะวันออกของชายหนุ่มตาสีฟ้าคงจะลอยไปลอยมาอยู่ในห้วงคำนึงของคนทั้งหมด
…แต่ยกเว้นเธอ
“โธ่ ชาจัง ก็ออกเรือตั้งสิบวัน เห็นแต่น้ำทะเล ฟ้า แผ่นดินไกลลิบๆ พวกคุณลุงคุณน้าในเรือ อาจารย์…อาจารย์เป็นข้อยกเว้นก็ได้ คือ…สรุปว่าอยู่กับอะไรที่ไม่ค่อยน่าสนใจน่ะนะ” มาริโกะอธิบายคล่อง ทาเอโกะพยักหน้าก่อนจะรับหน้าที่อธิบายต่ออย่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“ครั้งแรกชาจังไม่ได้ลงด้วย ไม่รู้หรอกว่าน่าเบื่อแค่ไหน แต่นี่…คราวนี้…มีหนุ่มหล่อมาให้มองสบตาตั้งสิบวัน…สวรรค์กลางน้ำจริงๆ”
“ใช่” อาเคมิสนับสนุนเป็นขลุ่ยเข้ากับปี่ไปอีกหนึ่งเลา ชาคริยาถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่เกรงใจ ขี้เกียจจะต่อปากต่อคำด้วย หากแต่ในใจก็คิดต่อต้านอย่างหนัก
…อะไรมันจะขนาดนั้น สวรรค์กลางน้ำ…เว่อร์ซะไม่มี แม่สามสาวนักฝัน