ชาคริยาไม่รู้ว่าตัวเองเคลิ้มหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าคนที่หลับไปก่อนคือสาวน้อยอาเคมิที่นอนอยู่เตียงล่าง เพราะหลังจากที่คุยเรื่องละครเมื่อคืนกันอย่างเมามันในความหล่อของพระเอกขวัญใจคนทั้งคู่…ทักกี้…หนุ่มน้อยหน้าใสวัยยี่สิบที่มีชื่อจริงว่าฮิเดอากิ ทาคิซาวะเสียงใสแกมเพ้อของอาเคมิหายไปก่อน และเมื่อเธอห้อยหัวลงไปดูจากเตียงข้างบน ก็เห็นสาวน้อยนอนตะแคงหลับสนิทไปเรียบร้อยแล้ว ชาคริยาเลยถอยกลับมานอนหลับตาบนเตียงของตัวเองตามเดิม
เสียงเคาะระฆังเรียกให้ไปกินข้าวกลางวันทำให้คนหลับสนิทลืมตาตื่น ชาคริยายกมือขึ้นเสยผมสองครั้งเป็นอันเสร็จพิธี แล้วกระโดดตุ้บลงมายืนบนพื้นด้านล่างอย่างสวยงาม แถมยังอดไม่ได้ที่จะโพสท่าโค้งคำนับอย่างงดงามราวกับนักยิมนาสติกที่มักจะทำยามกระโดดลงมาบนพื้นเรียบร้อยด้วยความเคยชินอย่างที่มักจะทำล้อเลียนอยู่กับเพื่อนๆ แต่เมื่อเหลือบมองออกไปนอกประตูที่เปิดอ้าเอาไว้ สายตาเธอก็ปะทะเข้ากับร่างสูงที่หยุดยืนนิ่งอยู่ แล้วเมื่อเลื่อนสายตาขึ้นก็สบเข้าอย่างจังกับตาสีฟ้าที่ฉายแววขบขันอย่างปิดไม่มิดของคนที่เธอเริ่มอยากจะหาอะไรปาใส่หน้า ค่าที่มาเห็นเธอทำท่าอะไรบ๊องๆ เอาตอนนี้ มาร์คกลั้นหัวเราะสุดความสามารถ ทั้งที่อยากจะปล่อยเสียงหัวเราะออกไปให้ท้องแตกตาย แต่รู้ดีว่าถ้าขืนหัวเราะออกไป เขาคงไม่มีปากไว้ได้หัวเราะอีกแน่ๆ ก็ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นลุกวาวโรจน์อย่างเอาเรื่อง หน้าใสแดงก่ำแบบที่คงจะทั้งอายทั้งโกรธ เขาก้มหัวให้เธอนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาเรียบๆ พร้อมบังคับไม่ให้เสียงสั่นจากการกลั้นหัวเราะ
“ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วครับ”
“รู้แล้ว”
เธอแทบจะกัดฟันตอบ สะบัดหน้าพรืดไม่ยอมมองเขาอีกต่อไป มาร์คอมยิ้มแล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนทันที ร่างสูงยังไม่ทันลับหายไปจากสายตา เสียงหัวเราะก็ดังมาให้ได้ยิน ชาคริยานึกอยากจะฟาดมือลงกับอะไรสักอย่าง ถ้าเป็นหน้าตาหล่อๆ ของนายซามูไรตาฟ้านั่นด้วยจะยิ่งดี…ดีที่สุดเลย เธอเหลือบตาไปมองเตียงล่าง อาเคมิยังนอนหลับอย่างสบายไม่มีท่าทีว่าจะได้ยินเสียงระฆังหรือเสียงพูดคุย ชาคริยามองอย่างเคืองนิดๆ
…ก็คนที่เสนอความคิดไม่ให้ปิดประตูก็สาวน้อยคนนี้นี่ล่ะ
‘เปิดไว้อากาศจะได้ถ่ายเทไงชาจัง’
…นั่นล่ะเหตุผลของเธอ
ชาคริยาหมายมั่นในใจ
…จะไม่มีการเปิดประตูห้องทิ้งไว้อีกแล้ว แม้จะต้องขาดอากาศหายใจตายก็ตาม
…และเธอจะไม่ทำท่าเคารพกรรมการของนักยิมนาสติกอีกแล้วเช่นกัน…ไม่มีทาง!
อาหารมื้อกลางวันผ่านไปอย่างเอร็ดอร่อย แต่ชาคริยาทานไม่คล่องคอเท่าไหร่นัก เพราะเพียงเผลอไปสบตาสีฟ้าสดของคนที่ชอบมองมายังเธอบ่อยครั้ง อาการร้อนๆ ครั่นเนื้อครั่นตัวก็เกิดขึ้นทันที ถึงกระนั้นเธอก็ยังจัดการกวาดข้าวหน้าหมูทอดลงกระเพาะหมดเรียบร้อยไม่เหลือข้าวแม้สักเม็ดให้ละอายต่อเด็กที่ขาดแคลนอาหาร ก่อนจะเดินตามสามสาวไปยังห้องกรองน้ำเก็บตัวอย่าง
ช่วงเที่ยงลมพัดแรงมากกว่าตอนเช้าที่เรือเพิ่งเริ่มเคลื่อนออก อีกทั้งเรือยังแล่นห่างจากฝั่งมามากแล้ว ทะเลที่เคยสงบก็เลยมีคลื่นลูกโตมาโยกเรือเล่นให้เย็นใจ ชาคริยาเริ่มรู้สึกเหมือนข้าวกลางวันที่จัดการไปเมื่อครู่กำลังออกฤทธิ์ต่อสู้กันอยู่ในท้องยามที่ฟังทาเอโกะสาธิตวิธีเก็บน้ำทะเลที่ง่ายดายเพียงแค่เปิดก๊อกน้ำในอ่างล้างหน้าออกมา เพราะท่อนี้ต่อไว้กับเครื่องสูบน้ำใต้เรืออยู่แล้ว ฝืนใจฟังเสียงใสอธิบายวิธีกรองน้ำไปได้อีกนิด อาการหวิวๆ อยากจะคายสิ่งที่เพิ่งกินเข้าไปก็มาก่อกวนความรู้สึก ชาคริยากัดฟันสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“เดี๋ยวขอตัวไปนอนก่อนนะสาวๆ มันเริ่มแล้ว…” ไม่เพียงแต่คำพูดที่บอกสถานการณ์ของชาคริยาได้ดี หากดวงหน้าใสที่ซีดจัดก็บอกกับทุกคนได้ว่าเธอกำลังเป็นแล้ว ‘เมาเรือ’
“ให้ลงไปส่งมั้ยชาจัง” มาริโกะถามอย่างมีน้ำใจ ชาคริยาโบกมือห้าม ก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองเดินโยกไปมาตามความโคลงของเรือลงไปยังห้องนอนด้านล่างโดยมีสายตาห่วงใยสามคู่มองตาม