ลู่เยี่ยนที่ยืนอยู่ด้านข้างฟังคำพูดของพวกเขาไม่เข้าใจ เขาขมวดคิ้วเดินขึ้นหน้า อยากจะไปสอบถามหยางจงสักหน่อย
บาดแผลจากธนูอะไร เขาไม่เคยมีแผลจากธนูเลย
แต่พอยกเท้า เขาก็ตัวหนักอึ้ง ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไป…
ห้องชั้นในของเรือนซู่หนิงมีควันโขมง กลิ่นยาที่แสบจมูกลอยไปทั่ว เขาโบกมือเบื้องหน้าตนเอง หลังจากเห็นชัดเจนก็เบิกตาโตในทันที
เขามองเห็นตนเองนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง สองตาฝ้าฟาง สีหน้าซีดขาว ผมเต็มไปด้วยสีเงิน เหมือนอายุมากขึ้นสิบปี
เขารีบเดินขึ้นหน้า จ้องมองไป กลับพบว่าในมือของตนเองกำถุงหอมสีขาวใบหนึ่งเอาไว้
บนถุงหอมนั้นปักอักษรตัวเล็กๆ ไว้ตัวหนึ่ง ‘เจิน’
พอมองดูอักษรตัวนี้ลู่เยี่ยนคิดอะไรขึ้นมาบางอย่าง ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงเหนือหัว
หยางจงไม่สนใจมารยาทเหมือนที่ผ่านมา คุกเข่าหน้าเตียงพลางพูดปนสะอื้น “ถึงแม้ซื่อจื่อจะไม่ให้ข้าพูดถึง แต่ในใจข้ารู้ดี ต่อให้ผ่านไปสามปีแล้วในใจซื่อจื่อก็ไม่เคยลืมแม่นางเสิ่นเลย เมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดจึงไม่อ่านจดหมายที่นางทิ้งไว้ให้ท่านเล่า”
สิ้นเสียงพูดของหยางจง คนบนเตียงก็ยิ้ม
ลู่เยี่ยนราวกับได้ยินเสียงในใจของตนเอง…ถ้านางเขียนสิ่งที่ข้าอยากเห็น เช่นนั้นข้าคงอ่านไปนานแล้ว
คำพูดจากลา ปกติล้วนเป็นความเจ็บปวด ในเมื่อใจของนางมีผู้อื่นอยู่ เขาก็ใจแข็งพอจะปล่อยนางไป
แต่เขายอมถอยถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่อยากจะเห็นประโยคที่ว่า ‘ถ้ามีชาติหน้า…’
ในสายตาของเขาลู่เยี่ยน คนมีเพียงชาตินี้ ไม่มีชาติหน้า ที่พูดว่าชาติหน้าก็เป็นเพียงสัญญาปากเปล่าเท่านั้น เชื่อถืออะไรไม่ได้
ก่อนจะหลับตาลง เขาย้อนคิดถึงเรื่องราวชาตินี้ของตนเองในเวลาสั้นๆ
เขาจำได้ถึงฝ่ามืออันอบอุ่นของท่านย่า จำได้ถึงคำอบรมสั่งสอนของบิดามารดา จำได้ถึงตอนที่ผ่านการสอบหน้าพระที่นั่งในวัยสวมหมวก* และจำได้ถึงคืนเข้าห้องหอที่เรียบง่ายนั้นได้
ยี่สิบเจ็ดปี แม้จะสั้น แต่ก็ยาวเช่นกัน
เมื่อสายตาค่อยๆ พร่าเลือน เขาเอ่ยปากพูดเสียงแหบแห้ง “รอข้าตายแล้ว เจ้าก็เอาของในจวนข้าไปทิ้งให้หมด อย่าให้ท่านแม่ข้าเห็น…สำหรับจดหมายฉบับนั้นแล้วแต่เจ้าจะจัดการ ทำอย่างไรก็ได้ แค่อย่างเดียวคือห้ามเผา”
เขากลัวว่าอยู่ในปรโลก เห็นอักษรราวเห็นหน้า จะเป็นความทรมานทำร้ายจิตใจอีกครั้ง
วันที่จวนเจิ้นกั๋วกงแขวนผ้าบางสีขาวไว้ทุกข์วันนั้นเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
เขามองดูมารดาของเขา องค์หญิงใหญ่จิ้งอันที่มีความภาคภูมิหยิ่งผยองผู้นั้นคุกเข่าอยู่กลางโถงไป่อัน โน้มตัวไปข้างหน้า ปิดหน้าร้องไห้อย่างสิ้นหวัง
บิดาของเขาประคองมารดาพลางพูดเสียงเบาว่า “เยี่ยนเกอเอ๋อร์ถูกธนูครั้งนี้นับว่ามีเกียรติมาก”
ดูถึงตรงนี้ลู่เยี่ยนก็รู้สึกว่าอากาศรอบข้างเบาบางลงทุกที ความเจ็บที่ทรวงอกค่อยๆ รุนแรงขึ้น ไม่เพียงแค่ทรวงอก อวัยวะต่างๆ ของเขาล้วนเริ่มบีบตัวจนเจ็บขึ้นมารางๆ
เขาไม่ได้ยินอะไรอีกเลย ภาพทุกอย่างตรงหน้าหายไปในทันที