ชิงซีขวางหน้าเสิ่นเจินเอาไว้ “คุณหนูพวกเราไม่ทำการค้ากับคนอย่างเจ้า”
ซ่งเจี่ยนหัวเราะเยาะไม่หยุด “คนอย่างข้า? ข้าเป็นคนอย่างไรหรือ” พูดจบเขาก็โบกมือใส่ชิงซีแล้วพูดว่า “รีบไสหัวไป เจ้ามีสิทธิ์พูดเสียที่ไหน”
เขาผลักชิงซีออกแล้วบังคับดึงตัวเสิ่นเจินเข้ามาในอ้อมกอด “น้องสาวคนดี เจ้าให้พี่จูบสักที พี่จะเพิ่มราคาให้เจ้าหนึ่งเท่าตัว ราคานี้เจ้าจะหาใครมาซื้อได้อีกเล่า”
เสิ่นเจินเตรียมป้องกันไว้อยู่แล้ว พอถูกเขาแตะต้องนางก็ดึงปิ่นมุกบนหัวลงมาแทงไปที่เขาในทันที
ซ่งเจี่ยนเอามือบัง แต่ยังคงถูกนางแทงเข้าที่หลังมือ
ผมดำขลับของเสิ่นเจินสยายลงมา ถูกลมพัดปลิวไหว
อยู่ท่ามกลางพื้นหิมะขาวโพลนแบบนี้ นางราวกับเทพเซียนไร้พลังพิเศษที่หลงเข้ามาในโลกมนุษย์
แววตาแดงก่ำแต่ฉายความเด็ดเดี่ยวนั้นดับไฟโกรธของซ่งเจี่ยนลงได้ในทันที
เขาพูดเกลี้ยกล่อมอย่างดี “เสิ่นเจิน วันนี้คือวันที่แปดแล้ว ข้าทะนุถนอมเจ้า แต่คนของร้านแลกเงินสกุลจินนั่นอาจจะไม่ เจ้าดื้อรั้นแบบนี้ รอถึงวันที่สิบ เจ้ากับน้องชายเจ้าคนนั้นต้องเดือดร้อนกันหมด ถึงตอนนั้นเจ้าคงได้แต่ร้องไห้ หนี้สินของสกุลเสิ่นมีเพียงข้าที่จ่ายไหว นอกจากข้าแล้ว เจ้าจะขอร้องใครได้อีกเล่า”
พูดจบเขาก็มือบอน ยื่นมือไปพันเส้นผมปอยหนึ่งของนางขึ้นมา
แสงอาทิตย์สุดท้ายของวันหายไปหลังก้อนเมฆยามเซินเจ็ดเค่อลู่เยี่ยนคว้าแย่งเอาร่มในมือของหยางจงมากุมเอาไว้แน่น ข้อนิ้วค่อยๆ ซีดขาว
เขาก้าวยาวเข้าไปคว้าหลังคอของซ่งเจี่ยนเอาไว้แล้วออกแรงกระชาก
ด้วยพื้นลื่นมาก ซ่งเจี่ยนถอยหลังจนตัวเอียงก่อนจะล้มลงบนพื้นหิมะข้างนอกด้วยความตกใจ
ซ่งเจี่ยนยังไม่ทันเห็นชัดว่าใครทำร้ายเขาก็ได้ยินเสียงประตูของร้านไป่เซียงปิดดังปัง
เขายันตัวลุกขึ้น ด้านหนึ่งตะโกนด่า อีกด้านหนึ่งสั่งให้คนติดตามข้างกายพังประตูเข้าไป แต่ยังไม่ทันตะโกนจบก็ถูกหยางจงอุดปากเอาไว้
ลู่เยี่ยนปิดประตูแล้วก็ประสานสายตากับเสิ่นเจิน เขามองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างหยิ่งทะนง
ทันใดนั้นแววตาก็ไปหยุดอยู่ที่ถุงหอมสีขาวตรงข้างเอวนาง บนถุงหอมปักอักษรคำว่า ‘เจิน’ ไว้อย่างชัดเจน
ของในความฝันล้วนมาปรากฏต่อสายตาเขาในตอนนี้
มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นทันใด เป็นรอยยิ้มที่ยอมรับในชะตา
บางทีสวรรค์คงกำลังบอกเขาเป็นนัย ความฝันประหลาดเหล่านั้นและเรื่องชาติก่อนที่นักพรตพูดล้วนเป็นความจริง
เขาปิดปากไม่พูดจา แต่เอาเงินที่ติดตัวเทครืนลงบนโต๊ะ มองตาของเสิ่นเจินและพูดเสียงแหบแห้งว่า “เงินเหล่านี้ข้าซื้อหนึ่งหีบ พอหรือไม่”
เสิ่นเจินตะลึงอยู่กับที่ รู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันใด
นางไม่เคยต้องก้มหัวให้กับเงินที่จ่ายเพราะความเห็นใจของใคร
แต่วันนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา ศักดิ์ศรีบุตรสาวภรรยาเอกจวนโหวของนางเทียบกับเงินตรงหน้า มันเทียบกันไม่ได้เลย
สัญญาขายตัวนั้นนางลงชื่อไม่ได้ เสิ่นหงเองก็ลงชื่อไม่ได้
นางก้มหน้าลงทันที กัดริมฝีปากกลั้นน้ำตาเอาไว้ นิ้วขาวเนียนเขี่ยเงินบนโต๊ะไม่หยุด พูดเสียงสั่นเครือ “ใต้เท้าให้มากเกินไปแล้ว เงินเหล่านี้เพียงพอแล้ว”
ลู่เยี่ยนที่ฉลาดหลักแหลมจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าในใจนางคิดอะไร
“ครั้งก่อนข้าหยิบพัดเล่มหนึ่งของเจ้าติดมือไป ถ้าข้าดูไม่ผิดภาพศาลาริมน้ำจวินอันบนพัดเป็นของฉุนจื๋อเซียนเซิง* ฝีมือการวาดของเขาควรค่ากับเงินเหล่านี้” เขามองเสิ่นเจินแล้วพูดต่อ “พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนมาเอาของ”
ลู่เยี่ยนหมุนตัว มือเพิ่งจับลงบนวงแหวนประตูเสิ่นเจินก็เดินตามมาและพูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณใต้เท้าลู่”
แผ่นหลังของเขาชะงักเกร็ง พูดเสียงแหบแห้งว่า “ไม่ต้องขอบคุณข้า”
ไม่ต้องขอบคุณข้า
เสิ่นเจิน เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าจริงๆ
ข้าลู่เยี่ยนหากต้องการตัวเจ้าจะไร้ยางอายยิ่งกว่าพวกเขามากนัก