บทที่หนึ่ง
เสียงพูดคุยกระซิบกระซาบทำให้ตกใจตื่น เลี่ยวจิ้งชูลืมตาขึ้นมา…แปลกจริง ทำไมไม่รู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงจากอาการเมาค้าง เหลียวมองไปรอบด้าน คล้ายกำลังอยู่ในแดนเซียนอย่างไรอย่างนั้น ชั่วขณะนั้นเลี่ยวจิ้งชูถึงกับไม่รู้ว่าตนเองอยู่ในความฝันหรือความจริง กระทั่งขยับตัวเล็กน้อยแขนขารู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง นางถึงได้สติแจ่มชัดขึ้นมา
ที่นี่คือที่ไหน
บนผนังที่อยู่ด้านหน้ามีภาพบุคคลวาดด้วยหมึกจีนใส่อยู่ในกรอบไม้แดง ข้อความที่เขียนติดอยู่คล้ายตัวอักษรเสี่ยวจ้วนเลี่ยวจิ้งชูเพ่งมองอยู่เป็นนาน ดูจากภาพแล้วเดาว่าเป็น ‘ภาพหญิงงาม’ สามคำนี้ คำบรรยายและลงนามท้ายภาพอ่านไม่ออกแม้แต่ตัวเดียว สายตาเคลื่อนไปที่จุดอื่น บนโต๊ะยาวลายมังกรบนปุยเมฆที่ตั้งติดผนังมีคันฉ่องสำริดแบบโบราณที่เรียบง่ายงดงามตั้งอยู่บานหนึ่ง ด้านข้างมีอ่างหยกแกะลวดลายประณีตงดงามวางอยู่ สองข้างของโต๊ะมีเก้าอี้ทรงกลมตั้งอยู่สองตัว นอกจากนี้ยังมีม้านั่งเตี้ยทรงดอกเหมยอีกสี่ตัว บนโต๊ะเตี้ยมีพิณหยกวางอยู่คันหนึ่ง ให้กลิ่นอายของความโบราณ บนตู้มีเครื่องลายครามของโบราณที่ประณีตงดงามวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด
มองม่านมุ้งซ้อนกันเป็นชั้นๆ บนเตียง สูดดมกลิ่นเย็นจางๆ ต่อให้เป็นคนที่ความรู้สึกช้าเพียงใด เลี่ยวจิ้งชูก็รู้ว่าตนทะลุมิติมาแล้ว
นิ้วมือเรียวยาวดุจหยกนุ่มนิ่มราวกับไร้กระดูก บนข้อมือมีกำไลหยกสุกใสแวววาว ยิ่งขับผิวพรรณให้ขาวผ่องดุจหิมะ เพียงเห็นก็รู้ว่าไม่เคยทำงานหนัก เลี่ยวจิ้งชูรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา สวรรค์ดีต่อนางไม่น้อย ไม่ได้ให้นางตกอับไปเป็นหญิงในครอบครัวยากจน
มองตามเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบไป เลี่ยวจิ้งชูพบว่าห้องที่อยู่ติดกันเป็นห้องอุ่นเสียงพูดดังมาจากที่นั่น เป็นเสียงที่ทำให้นางตกใจตื่น จึงอดย่นหัวคิ้วไม่ได้
ห้องนี้ดูโอ่อ่ารโหฐาน เหตุใดถึงไม่กันเสียง
ฟังออกว่าคนพูดพยายามลดเสียงลงเบามากแล้ว แต่ทั้งมีผนังห้องกั้นอยู่ เสียงก็ยังคงลอยมาเข้าหูนางอย่างควบคุมไม่ได้
เสียงแรกเป็นเสียงแก่ชรา “รีบไป ฉวยโอกาสที่นางยังไม่ตื่น เอายากรอกลงไป”
“นี่…ทำได้หรือ” เสียงขลาดกลัวเสียงหนึ่ง “สะใภ้สี่เพียงสำลักน้ำ ไม่นานก็จะฟื้นแล้ว คนถูกคุณชายเจียงช่วยชีวิตไว้ ทั้งยังพาส่งกลับมาแล้ว ถ้าถูกพิษตายอีก เกรงว่า…”
“เจ้าอย่าคิดอะไรเหลวไหล นางเป็นหลานสาวแท้ๆ ของนายหญิงใหญ่ นายหญิงใหญ่จะทำร้ายนางถึงตายได้อย่างไร นี่เป็นยาที่ทำให้เป็นใบ้ นายหญิงใหญ่กลัวว่าถ้านางเอะอะโวยวายใหญ่โต จวนกั๋วกงแห่งนี้ก็ต้องพังพินาศแล้ว”
“ก็แค่สาวใช้ที่ติดตามมาพร้อมการแต่งงานตายไปคนหนึ่ง เหตุใดนางต้องเอะอะโวยวายใหญ่โต” เสียงชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง “อีกอย่าง นางเป็นบัณฑิตหญิง ต่อให้เป็นใบ้แล้ว ก็ยังเขียนหนังสือได้”
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่บ่าวต้องเป็นห่วง คำสั่งของเจ้านาย เจ้าแค่ปฏิบัติตามก็พอ!” เสียงแก่ชราพลันน่าสะพรึงกลัวขึ้นมา “จำไว้ อยากจะมีชีวิตยืนยาว จงปล่อยให้เรื่องพวกนี้เน่าอยู่ในท้อง!”
“เรื่องพวกนี้ข้าเข้าใจ เพียงแต่…”
“รีบไป ขืนโอ้เอ้ชักช้า ท่านน้าหลวนก็จะมาแล้ว”
มิน่าเล่า ข้าถึงทะลุมิติมาได้ ที่แท้เจ้าของร่างนี้จมน้ำตายไปแล้ว
เลี่ยวจิ้งชูรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว นางไม่สงสัยแม้แต่น้อย ตนเองก็คือ ‘สะใภ้สี่’ ที่พวกนางพูดถึงผู้นั้น
ที่นี่คือจวนกั๋วกง นางกับสาวใช้ที่ติดตามมาพร้อมการแต่งงานตกน้ำไปทั้งคู่ นางถูกช่วยขึ้นมาได้ ส่วนสาวใช้ตายแล้ว นายหญิงใหญ่…หรือก็คือป้าแท้ๆ ของนางกลัวนางจะเอะอะโวยวาย จึงคิดจะวางยาให้นางกลายเป็นใบ้
สั้นๆ ไม่กี่ประโยคข่าวที่เลี่ยวจิ้งชูได้รับมาก็มีเพียงเท่านี้ เมื่อมาขบคิดดูอย่างละเอียดก็พบว่าไม่ถูกต้อง!