พูดโพล่งออกมาแล้ว หลวนอวิ๋นชูจึงได้สติกลับคืนมา มุมปากมีรอยยิ้มเจื่อนผุดขึ้นจางๆ ลู่เซวียนที่แววตาลึกล้ำมีท่าทีสุภาพละมุนละไมเฉกเช่นผู้มีการศึกษาเหมือนกันกับเขาผู้นั้น จะช่วยชี้แนะนางอย่างละเอียดรอบคอบ ไม่ถือสาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้หรือไม่
“แม้ความรู้ด้านการแพทย์จะต่ำต้อย แต่การเปิดร้านยาสักแห่งจะอย่างไรก็ดีกว่ามาเป็นคนสวน” ฝูหรงวางพู่กันในมือลงพลางหมุนข้อมือ “สะใภ้สี่ ท่านว่าลุงใบ้เชี่ยวชาญสมุนไพรเพียงนี้ เพราะเหตุใดจึงสมัครใจเป็นคนสวนอยู่ในจวนของเราเจ้าคะ”
“เขาเป็นคนแคว้นหลี”
“คนแคว้นหลี!” ฝูหรงตื่นตะลึง “สะใภ้สี่ทราบได้อย่างไร” นางพลันหยุดชะงักก่อนผงกศีรษะ “ก็จริง ดูจากรูปร่างท่าทางของเขาก็ไม่คล้ายคนแคว้นหลวน บ่าวกลับไม่เคยคิดไปในทางนั้นเลย”
“ตอนเอาข้าวไปส่ง เจ้าก็บอกกับเขาว่า…” หลวนอวิ๋นชูมองไปที่นอกหน้าต่าง คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ “คนทางเหนือเพิ่งมาอยู่ทางใต้ ช่วงแรกจะไม่ชินต่ออากาศหนาวชื้นในฤดูหนาว จะเป็นโรคเฟิงซือได้ง่าย สามารถใช้เหลยกงเถิงขับความชื้นช่วยให้เลือดลมเดินสะดวกได้พอดี”
“เฟิงซือคืออะไรหรือเจ้าคะ” ฝูหรงมีสีหน้าฉงน “บ่าวไม่เคยได้ยินคนในจวนเอ่ยถึงลุงใบ้เลย คิดว่าคงจะปกปิดเป็นความลับ ท่านไปเปิดโปงเขาว่าเป็นคนแคว้นหลีเช่นนี้ จะดีหรือเจ้าคะ”
“ทั้งสองต่างเปิดเผยตรงไปตรงมา จึงจะพูดคุยกันง่าย เขามาถามยาเป็นพิเศษเช่นนี้ กระทั่งตนเองเป็นใครมาจากไหนก็คงไม่ต้องบอกแล้วกระมัง” หลวนอวิ๋นชูยื่นมือมาหยิบจดหมายของลุงใบ้ ก้มหน้าลงพิจารณาดู “เรื่องนี้เจ้ารู้ก็พอ ไม่ต้องเอ่ยถึงต่อหน้าผู้อื่น ยาล้วนมีสามส่วนที่เป็นพิษ ต่อไปเจ้าไปที่สวนสมุนไพรต้องระวังตัวสักหน่อย อย่าเที่ยวไปแตะไปจับส่งเดช โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่ากินของที่อยู่ในนั้น จะได้ไม่พลั้งเผลอกินสิ่งที่ไม่ควรกิน”
“เจ้าค่ะ” ฝูหรงพยักหน้า “เรื่องนี้ท่านไม่พูด บ่าวก็ทราบดี”
เห็นหลวนอวิ๋นชูก้มหน้าอ่านจดหมาย ฝูหรงก็เก็บหมึกและพู่กันบนโต๊ะ
“เมื่อวานสะสางสิ่งของที่เหลืออยู่ของซิ่วเอ๋อร์ พบอะไรหรือไม่”
“ล้วนแต่เป็นของใช้ของอิสตรี ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ” ฝูหรงหยิบกระดาษที่เพิ่งเขียนเสร็จมาเป่าหมึกให้แห้ง “สะใภ้สี่จะดูหรือไม่ บ่าวเกรงจะเขียนตกหล่น”
เห็นหลวนอวิ๋นชูไม่พูดอะไร ฝูหรงจึงอ่านอย่างละเอียดอีกรอบหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น
“จริงด้วย เห็นยาสมุนไพรนี้แล้ว บ่าวก็นึกขึ้นมาได้”
“นึกอะไรขึ้นมาได้”
เสียงหลวนอวิ๋นชูค่อนข้างเหนื่อยหน่าย นางอ้าปากหาว เอนร่างพิงไปที่หมอนอิง
“เมื่อวานพบยาสมุนไพรห่อหนึ่งที่ใต้เตียงซิ่วเอ๋อร์” ฝูหรงพับกระดาษให้เรียบร้อยแล้วยัดเก็บไว้ในแขนเสื้อ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองหลวนอวิ๋นชู “เป็นยาชนิดเดียวกับที่ซิ่วเอ๋อร์ถามขึ้นมาในสวนสมุนไพรวันนั้น ที่ซิ่วเอ๋อร์บอกคล้ายเขาของแพะภูเขา”
หยางเจี่ยวเถิง!
“ยานั่นอยู่ที่ใด” ภาพเบื้องหน้าสว่างวาบขึ้น หลวนอวิ๋นชูลุกขึ้นมานั่งตัวตรง “เอามาให้ข้าดูหน่อย”
“ใช้หนังแกะสีดำห่อไว้ เห็นแล้วก็ขยะแขยง เฉียนหมัวมัวให้น้าชายของซิ่วเอ๋อร์เอาไปด้วยทั้งหมดแล้วเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นหรือ เจ้าไปเรียกเฉียนหมัวมัวมา” นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งหลวนอวิ๋นชูก็เงยหน้าขึ้นมองฝูหรง “ไม่ต้องแล้ว เจ้าออกจากจวนไปด้วยตนเอง คิดหาหนทางเอายาห่อนั้นกลับมา”
“เพราะเหตุใดเจ้าคะ” ฝูหรงออกจะฉงน “ย่อมต้องมีเหตุผล บ่าวจึงจะ…”