สวรรค์เมตตาสงสารถึงให้นางได้พบเจอคนที่เป็นวรยุทธ์ หลวนอวิ๋นชูสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน แต่ในใจลิงโลดไปนานแล้ว
แม้จะมีใจแต่ไม่อาจรับคนเรื่อยเปื่อยได้ ต้องพิจารณาดูให้ละเอียด
เห็นหลวนอวิ๋นชูมองมาตาไม่กะพริบ เฉิงชิงเสวี่ยก็เหยียดร่างขึ้นตรง สองมือกอดอกท่าทางไม่สะทกสะท้าน
ภายใต้การมองประเมินอย่างละเอียด หลวนอวิ๋นชูพลันพบว่าบนสาบเสื้อตรงหน้าอกของเฉิงชิงเสวี่ยมีรอยเปื้อนติดอยู่ ตัวเสื้อสีเหลืองอ่อนยิ่งทำให้เห็นรอยเปื้อนเด่นชัดเป็นพิเศษ หัวใจนางหนักอึ้งขึ้นมาทันที
เฮ้อ เลือกมาตั้งนาน ไม่ใช่ไปเจอคนสกปรกเลอะเทอะเข้าหรอกนะ
เห็นหลวนอวิ๋นชูมองจ้องเสื้อผ้าของนาง มือที่กอดอกอยู่ของเฉิงชิงเสวี่ยขยับเล็กน้อยอย่างไม่เผยร่องรอย แขนเสื้อกว้างพลันปิดบังรอยเปื้อนเอาไว้อย่างมิดชิด
เงยหน้าขึ้นมา หลวนอวิ๋นชูเขม้นมองเฉิงชิงเสวี่ยด้วยแววตาเย็นชา กลับเห็นส่วนลึกในดวงตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความเฉยเมย ไม่มีท่าทีตื่นเต้นแม้แต่น้อย คล้ายเรื่องเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
หลวนอวิ๋นชูพยักหน้าน้อยๆ สุขุมเยือกเย็นมากพอ ฝูหรงขาดสิ่งนี้
“เจ้าอายุเท่าไรแล้ว”
“เรียนสะใภ้สี่ อายุสิบหกเจ้าค่ะ”
“อยู่ที่ภูเขาเทียนมู่เรียนอะไรมาบ้าง”
“เรียนวรยุทธ์เจ้าค่ะ”
ไร้สาระ ใครบ้างไม่รู้ว่าเรียนวรยุทธ์!
เห็นเฉิงชิงเสวี่ยตอบสั้นๆ หลวนอวิ๋นชูก็ย่นคิ้ว
หลวนอวิ๋นชูไม่รู้ว่าแคว้นหลวนให้ความสำคัญกับบุ๋นมากกว่าบู๊ โดยเฉพาะอิสตรีฝึกฝนวรยุทธ์ ไม่พูดถึงว่าจะถูกคนดูถูก เกรงว่ากระทั่งคิดจะแต่งออกไปยังยาก เฉิงชิงเสวี่ยย่อมไม่ยินดีจะเอ่ยถึงมากนัก
“เจ้าเป็นวรยุทธ์ เพราะเหตุใดยังถูกจับ” หลวนอวิ๋นชูมองดวงตาทั้งสองของเฉิงชิงเสวี่ยตาไม่กะพริบ ในน้ำเสียงมีความเยียบเย็นเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน “ในเมื่อถูกปล่อยออกมาแล้ว เพราะเหตุใดจึงไม่หนีกลับไป”
กฎหมายแคว้นหลวนเข้มงวดเช่นนี้ บ่าวไพร่คนใดจะกล้าหนีเล่า!
เกิดถูกจับตัวกลับมา ถูกแห่ประจานต่อหน้าธารกำนัลเป็นเรื่องเล็ก ยังต้องถูกลงโทษด้วยการใช้มีดแยกเนื้อออกจากกระดูก หลี่หวาเบิกตาโตดุจกระดิ่งทองแดงมองหลวนอวิ๋นชู ถ้าไม่ใช่ผ่านการฝึกฝนมาดี หลี่หวาคงร้องอุทานออกมาแล้ว
นางอยู่ในกลุ่มค้ามนุษย์มานานปีเพียงนี้ รู้เรื่องเหล่านี้ดีดุจนิ้วมือของตน
หลวนอวิ๋นชูกลับไม่คิดเช่นนี้ ชาติก่อนอ่านนิยายกำลังภายในมามาก ตามความคิดของนาง ในเมื่อเป็นวรยุทธ์ก็หลบซ่อนตัวในยุทธภพได้ ปล้นคนรวยช่วยคนจน ใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรี ด้วยเหตุนี้นางจึงสงสัยอย่างมากว่าเฉิงชิงเสวี่ยผู้นี้มีวรยุทธ์อย่างเสียเปล่าหรือไม่ เพราะเหตุใดจึงไม่หนีและไม่แก้แค้น กลับยินยอมพร้อมใจให้คนเลือกไปเลือกมาดุจสินค้าเช่นนี้
“ชิงเสวี่ยกับท่านพ่อถูกบ่าวชั่วเฉิงสืออีทรยศ ชั่วเวลาเพียงคืนเดียวก็ตกเป็นนักโทษที่ถูกพิจารณาคดีที่ขั้นบันได*” แววตาสั่นไหว เฉิงชิงเสวี่ยกล่าวเสียงราบเรียบ “เดิมชิงเสวี่ยสามารถหนีไปได้ ท่านพ่อก็พยายามเร่งเร้าให้ชิงเสวี่ยรีบหนี แต่ใต้เท้าเจี่ยข่มขู่ ใช้ดาบพาดคอท่านพ่อ บอกถ้าชิงเสวี่ยกล้าหนี เขาก็จะสังหารท่านพ่อทันที ตอนนั้นไม่รู้ว่าความผิดของท่านพ่อคือโทษตายตัดศีรษะ ชิงเสวี่ยจึงได้ยอมให้จับตัวแต่โดยดี”
เฉิงชิงเสวี่ยพูดไปเสียงก็เจือสะอื้น หยุดนิ่งไปพักใหญ่จึงกล่าวต่อ