ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 1-2
เมื่อหลายวันก่อนระหว่างเดินทางจากเมืองหยางโจวมายังเมืองฉางอัน คุณหนูไม่ทันระวังพลัดตกน้ำจนป่วยหนัก พอฟื้นคืนสติก็เริ่มหยิบกระบี่ประหลาดเล่มนี้ออกมาหมุนเล่น
กระบี่สั้นเล่มนี้สร้างขึ้นจากหยกมรกต ตัวกระบี่เป็นสีเขียวมันวาวตลอดทั้งเล่ม ความยาวประมาณหนึ่งฉื่อ ไม่รู้ว่าคุณหนูไปได้มาจากที่ใด สองสามวันที่ผ่านมานี้มักหยิบมาหมุนเล่นเป็นประจำ นางมองแล้วรู้สึกว่าแปลกตาอยู่บ้าง กระบี่เป็นอาวุธที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นที่สุดในใต้หล้า มีอย่างที่ใดกันนำหยกมรกตไปทำกระบี่
ยิ่งไปกว่านั้นหลังฮูหยินจากโลกนี้ไปคุณหนูก็ไม่เคยหยิบอาวุธในจวนออกมาเล่นอีกเลย มีฐานะเป็นบุตรสาวแม่ทัพผู้เลื่องชื่อ กลับถูกเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมเสียยิ่งกว่าคุณหนูตระกูลขุนนางบัณฑิต แม้ครั้งนี้ทันทีที่ลงจากเรือคุณหนูจะวิ่งตรงไปที่อารามจิ้งฝูก็แล้วไปเถอะ แต่ก็ยังเก็บกระบี่หยกมรกตซ่อนไว้ในแขนเสื้อ
ไป๋จื่อดูแลรับใช้เถิงอวี้อี้มาตั้งแต่เล็ก รู้ซึ้งดีว่าเจ้านายตัวน้อยผู้นี้แม้ใบหน้าจะงดงามอ่อนหวานทว่าเก็บอุบายแผลงๆ เอาไว้ข้างในเต็มไปหมด เหล่าคุณหนูตระกูลขุนนางที่ปกติไปมาหาสู่กับจวนสกุลเถิงไม่ว่าในที่ลับหรือที่แจ้งล้วนเคยเผชิญฤทธิ์เดชของคุณหนูเถิงมาแล้ว
นายท่านเฝ้าพิทักษ์ชายแดนตลอดทั้งปี ไม่อาจปลีกตัวมาอบรมสั่งสอนบุตรสาว เมื่อเห็นว่านิสัยคุณหนูนับวันจะเจ้าเล่ห์แสนกลมากขึ้นทุกทีจึงจำใจส่งคุณหนูไปที่จวนสกุลตู้แห่งเมืองหยางโจว มอบให้ตู้ฮูหยินผู้เป็นป้าคอยอบรมสั่งสอนแทน
สกุลตู้ยึดมั่นในความสุจริตเที่ยงธรรมเสมอมา ตู้ฮูหยินดีต่อคุณหนูราวกับเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองก็ไม่ปาน บุตรสาวคนโตของสกุลตู้นามว่าตู้ถิงหลัน ก็ให้ความสำคัญกับญาติผู้น้องผู้นี้ทุกเรื่อง พออยู่ร่วมกันมานานหลายปีคุณหนูจึงมองท่านป้ากับญาติผู้พี่เป็นยิ่งกว่าญาติสนิท เพียงแต่นิสัยใจคอนางผิดแผกจากคนทั่วไปมากโข ไม่ยอมเอ่ยปากออกไปตรงๆ ก็เท่านั้น ทว่าเมื่อเอ่ยถึงคนที่คุณหนูใส่ใจมากที่สุดในโลกนี้ ไม่มีผู้ใดเทียบเท่าตู้ฮูหยินกับคุณหนูตู้แล้ว
ไป๋จื่อคาดเดาไม่ถูกว่าเพราะเหตุใดคุณหนูของนางถึงร้อนใจมากเช่นนี้ แต่ก็มองเห็นความดุร้ายวาบผ่านในแววตาของเถิงอวี้อี้ได้ชัดเจน ถ้าหากยังตามหาตู้ถิงหลันไม่พบล่ะก็ อีกฝ่ายจะต้องก่อเรื่องน่าตกใจที่ผู้ใดก็คาดไม่ถึงแน่นอน
ไป๋จื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะเอ่ยปากอย่างตะลึงงัน “คุณหนู ท่านดูสิเจ้าคะ”
เถิงอวี้อี้เก็บกระบี่หยกมรกตไว้ในแขนเสื้อตามเดิม ตรงปากทางเข้าป่าไผ่มีรถม้าประดับตกแต่งอย่างหรูหราจอดอยู่คันหนึ่ง
ดูท่าทางเพิ่งจะมาถึงได้ไม่นาน เหล่าบ่าวไพร่กำลังยุ่งอยู่กับการตั้งกระโจมนอกป่าไผ่ เพียงครู่เดียวก็มองออกว่าการจัดการสุดเอิกเกริกเช่นนี้เกรงว่าคงไม่ใช่ขุนนางหรือชนชั้นสูงทั่วไป
ไป๋จื่อเผยสีหน้าฉงนสงสัย ส่วนเถิงอวี้อี้กลับสวมหมวกม่านแพรเรียบร้อยแล้วลงจากรถม้า เดินตรงไปทางป่าไผ่โดยมองไม่เห็นบ่าวไพร่เหล่านั้นอยู่ในสายตา
เมื่อกลุ่มบ่าวไพร่มองเห็นเถิงอวี้อี้ก็รีบก้าวเข้ามาขวางทางไว้ “คุณหนูท่านนี้โปรดหยุดก่อน”
เถิงอวี้อี้จัดเสื้อผ้าอาภรณ์ตามมารยาท ก่อนคลี่ยิ้มพร้อมเอ่ยถาม “สถานที่แห่งนี้มิใช่เขตหวงห้าม เหตุใดไม่ยอมให้ผ่านเข้าไปเล่า”
บ่าวชายผู้หนึ่งตอบว่า “คุณชายของพวกเราจะไปเล่นจีจวี ริมแม่น้ำ ดังนั้นบริเวณนี้จึงกางผ้าม่านล้อมไว้ รอให้เขาออกจากป่าแล้วย่อมปล่อยให้ผ่านไปได้โดยสะดวก”
สีหน้าไป๋จื่อแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย นี่ช่างเป็นวาจาโอหังเสียนี่กระไร ป่าไผ่อาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล บอกว่าไม่ยอมให้เข้าก็ได้เช่นนั้นหรือ
เถิงอวี้อี้กลับระงับโทสะเอาไว้ได้ นางพยักหน้ารับรู้แล้วกล่าวยิ้มๆ “บังเอิญจริง พอดีข้าก็ต้องใช้เส้นทางลัดไปริมแม่น้ำเพื่อร่วมงานเลี้ยงน่ะสิ”
บ่าวไพร่หลายคนต่างหันมองหน้ากัน งานเลี้ยงริมแม่น้ำไม่ได้มีเพียงแห่งเดียว ผู้ร่วมงานทั้งหลายล้วนเป็นผู้มีฐานะสูงศักดิ์และขุนนางตำแหน่งใหญ่โต สตรีนางนี้เดินทางอย่างเรียบง่ายพร้อมด้วยผู้ติดตามน้อยนิดจนมองที่มาที่ไปไม่ออกเลยจริงๆ
“ในเมื่อจะไปร่วมงานเลี้ยง คิดว่าคุณหนูคงต้องมีเทียบเชิญ”
“เทียบเชิญรึ”
ทันใดนั้นเองบ่าวหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งที่ยืนหน้ารถม้าก็เอ่ยว่า “คืนวันนี้นอกจากงานเลี้ยงเหล่าบัณฑิตจิ้นซื่อ ฝ่าบาทก็จะเสด็จเยือนหอจื่ออวิ๋นเพื่อทอดพระเนตรงานเลี้ยงเช่นกัน คุณชายบุตรหลานเชื้อพระวงศ์ตามเสด็จด้วยไม่น้อย ถ้าหากข่าวแพร่งพรายออกไปคงดึงดูดเหล่าคุณหนูผู้โง่เขลาไร้สมองได้มากทีเดียว”
เถิงอวี้อี้กวาดสายตามองไป ในใจพลันผุดรอยยิ้มเย้ยหยัน เป็นเคราะห์กรรมแต่ชาติก่อนจริงๆ ด้วย ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้พบนายบ่าวคู่นี้ที่นี่
บ่าวหญิงวัยกลางคนผู้นั้นเพ่งพิศดูเถิงอวี้อี้ เด็กสาวตรงหน้าสวมหมวกม่านแพรไว้จึงมองเห็นรูปโฉมไม่ชัดเจน แต่นางก็มั่นอกมั่นใจว่าที่ผ่านมาไม่เคยเห็นเด็กสาวผู้นี้ในเมืองฉางอันมาก่อน อีกฝ่ายกล่าวยืนยันว่าต้องการใช้ทางลัดไปริมแม่น้ำ ทว่ากระทั่งเทียบเชิญยังหยิบออกมาไม่ได้ นางหยิ่งทะนงในฐานะตนเอง ไม่อยากกล่าววาจาเข้มงวดเฉียบขาดเกินไป เพียงแค่ตลอดเส้นทางนี้ต้องขับไล่สตรีที่ไม่รู้จักแยกแยะหนักเบามามากแล้ว
บนใบหน้าสตรีวัยกลางคนฉายแววดูหมิ่น นางกล่าวกับบ่าวชายวัยฉกรรจ์เหล่านั้นว่า “คิดว่าคงวิ่งโร่ตามคุณชายบ้านพวกเจ้ามาอีกแล้วนั่นล่ะ คุณหนูท่านนี้ ข้าขอเตือนสักคำ คุณชายของพวกเขาใช่ว่าจะตามตอแยได้ง่ายๆ รีบไปเสียเถอะ จะได้ไม่ต้องมีเรื่องลำบากใจภายหลัง”
คำพูดเช่นนี้เท่ากับจัดเถิงอวี้อี้เป็นพวกหวังเข้าหาพึ่งบารมีชนชั้นสูงโดยตรง ไป๋จื่อใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สตรีนางนี้เห็นชัดว่าก็ไม่อาจล่วงเกินคุณชายที่อยู่ในป่าไผ่ได้เช่นกันถึงต้องมาเสียเวลารออยู่ตรงนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะหันกลับมาแว้งกัดพวกนาง
เถิงอวี้อี้ปรายตามองบ่าวหญิงวัยกลางคนครู่หนึ่งพลางเผยยิ้มเยาะเย้ย “อย่างนั้นหรือ หากข้ายืนกรานจะเข้าไปให้ได้เล่า”
นางหยิบของสิ่งหนึ่งออกจากแขนเสื้อ ก่อนเอ่ยปากบอกบ่าวไพร่หลายคนที่ขวางทางอยู่ว่า “เวลาล่วงเลยมามากแล้ว ขอให้นายของพวกเจ้ายอมเปิดทางด้วย”
สีหน้าของทุกคนในที่นี้แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย นั่นเป็นเทียบเชิญสีเหลืองอ่อนที่จวนจวิ้นอ๋อง ใช้เป็นประจำ ด้านบนเป็นชื่อเถิงเซ่าผู้ดำรงตำแหน่งไหวหนานเจี๋ยตู้สื่อควบตำแหน่งเจ้าเมืองหยางโจว ส่วนด้านล่างเป็นฉุนอันจวิ้นอ๋องลงชื่อด้วยตนเอง
ปกติพวกเขาไปมาหาสู่กับจวนฉุนอันจวิ้นอ๋องเป็นประจำ มองปราดเดียวก็จำลายมือจวิ้นอ๋องได้แล้ว
ฉุนอันจวิ้นอ๋องเป็นเชื้อพระวงศ์ในราชวงศ์ปัจจุบัน เป็นญาติผู้น้องฝ่ายพระราชบิดาของฮ่องเต้รัชกาลนี้ สำหรับไหวหนานเจี๋ยตู้สื่อเถิงเซ่านั้นเป็นแม่ทัพผู้มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วสารทิศ ร่ำลือว่าเมื่อหลายปีก่อนฉุนอันจวิ้นอ๋องตามเสด็จฮ่องเต้ไปยังเขาหลีซาน ระหว่างตรวจตราปิดกั้นเส้นทางเสด็จไม่ทันระวังตกอยู่ในอันตราย ก็ได้เถิงเซ่าช่วยชีวิตไว้พอดี
ผู้มีอำนาจทั้งสองนี้ล้วนเป็นผู้อาวุโสของคุณชายน้อยบ้านพวกตน แม้กระทั่งคุณชายน้อยเห็นหน้าก็ต้องลงจากม้ามาคำนับ
บ่าวชายเหล่านั้นไม่กล้าขัดขวางอีกต่อไป แต่ยังขวางกั้นบ่าวหญิงกับรถม้าด้านหลังนางคันนั้นไว้นอกเขตป่าไผ่
บ่าวหญิงวัยกลางคนเผยอปากจะตอบโต้ จู่ๆ ได้ยินเสียงกระแอมกระไอห้ามปรามมาจากในรถม้า เพียงฟังเสียงดูก็รู้ว่าเป็นคุณหนูที่ยังเยาว์วัยยิ่งนัก
นางพลันได้สติกลับคืนมา รีบปรับสีหน้ายิ้มแย้มอ่อนน้อมพลางกล่าวขออภัยต่อเถิงอวี้อี้
เถิงอวี้อี้มองปราดไปทางบ่าวหญิงผู้นั้นครู่หนึ่งแล้วนำตวนฝูกับไป๋จื่อเดินเข้าไปในป่า เดินไปก็กล่าวกับคนบังคับรถม้าไปว่า “เจ้าอยู่รอฟังข่าวที่นี่ ถ้าหากท่านป้ามาถึงให้รีบพาพวกนางเข้าป่าไปหาพวกเราทันที”