ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 34
“ราชาผีดิบก็มีเขี้ยวงอกออกมาคู่หนึ่ง โผล่ขึ้นมาจากผืนดินแล้วออกอาละวาดไปทั่ว บุกโจมตีค่ายทหารทุกคืน กินพลทหารไปหลายนายในคราวเดียว ก็มีหมอผีที่เชี่ยวชาญวิชากู่แถวนั้นมาให้คำแนะนำ บอกว่าให้ใช้สายพิณเหนียวทนบางเฉียบสองเส้นมาผูกเป็นบ่วงเชือก คล้องรัดฟันเขี้ยวของราชาผีดิบไว้ให้แน่น แล้วปลายอีกข้างหนึ่งให้ทหารหลายสิบนายออกแรงดึงพร้อมกัน จะสามารถกระชากเขี้ยวจนหักได้ในคราวเดียว ผู้บัญชาการค่ายทหารใช้วิธีการนี้จึงกำจัดมันไปได้อย่างราบรื่น ความดุร้ายของมารผีดิบถึงจะอยู่เหนือกว่าราชาผีดิบ แต่เขี้ยวคู่นั้นในเมื่อสามารถยืดหดได้ ตามหลักแล้วน่าจะมีส่วนเว้าลึก ถ้ามีส่วนเว้าลึกก็ง่ายสักหน่อยแล้ว จะต้องต้านทานแรงกระชากที่รุนแรงไม่ได้แน่”
เถิงอวี้อี้คิดทบทวน “วิธีการนี้ก็ดีใช้ได้เลย อีกสักครู่พอพบนักพรตหลายคนนั้น ข้าจะคุยกับพวกเขาอย่างละเอียดเอง แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่กำลังคนเพียงผู้เดียวจะบรรลุเป้าหมายได้ ต่อให้กำจัดมารผีดิบสำเร็จ บุญกุศลจากการกำจัดปีศาจจะไปตกอยู่กับผู้ใด เฮ้อ…ยุ่งยากๆๆ ไม่อย่างนั้นอย่าไปคิดเรื่องมารผีดิบเลย ลองคิดเรื่องปีศาจวิหคตนนั้นดีกว่า”
ระหว่างนายบ่าวสองคนกำลังคุยกัน ฮั่วชิวก็เอ่ยรายงานตรงหน้าประตู “แม่นางเป้าจูมาขอพบขอรับ”
ลุงเฉิงมองไปนอกประตูด้วยแววตาราบเรียบ รินสุราดอกกุ้ยให้เถิงอวี้อี้จอกหนึ่ง ก็ขยับไปยืนกุมมือตนเองอยู่ด้านข้าง
เถิงอวี้อี้หลุบสายตาลงจิบสุราคำหนึ่ง “ให้นางเข้ามาเถอะ”
เป้าจูย่างเท้าเดินเข้ามา จอนผมของนางเปียกชุ่มโชก ปิ่นปักผมเอียงกระเท่เร่ไปข้างหนึ่ง ลำคอขาวหมดจดมีผมเปียกชื้นแนบติดอยู่หลายปอย ท่าทางน่าสงสารเห็นใจเหลือเกิน คงจะขึ้นมาจากถังอาบน้ำทั้งที่เสื้อผ้ายังไม่แห้ง ชั้นนอกห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมผ้าสักหลาดแน่นหนา ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้แล้วริมฝีปากของนางยังเย็นจัดจนซีดขาว หลังเดินเข้ามาก็มองเถิงอวี้อี้น้ำตาคลอ “ข้าน้อยมาขออภัยต่อคุณชายเจ้าค่ะ”
สีหน้าเถิงอวี้อี้ฉายแววประหลาดใจเต็มเปี่ยม “นี่เจ้าเอาผ้าคลุมมาจากที่ใดกัน แล้วเจ้ามีความผิดอะไร”
หยาดน้ำตาเป้าจูไหลพรั่งพรูลงมาปานสร้อยมุกขาดสะบั้น หมอบลงกับพื้นอย่างช้าๆ “ทั้งที่คุณชายตั้งใจปกป้อง ข้าน้อยกลับทำตัวโง่เขลา ไม่เข้าใจเจตนาอันดีของคุณชาย ทำให้คุณชายต้องผิดหวังเสียแรงเปล่า ตอนนี้ข้าน้อยเข้าใจกระจ่างแล้ว รู้สึกละอายใจยิ่งนัก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ทุ่มเทสุดกำลังชดใช้ ขอร้องคุณชายอย่าได้ถือสาความขุ่นเคืองก่อนหน้านี้ ให้โอกาสข้าน้อยเล่นดนตรีรินสุราให้ท่านอีกครั้งเถิด”
เถิงอวี้อี้พินิจมองถ้วยชาในมือพลางกล่าวตอบอย่างเอื่อยเฉื่อย “ข้าก็นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง เรื่องนี้จะโทษเจ้าไม่ได้หรอก ‘คัมภีร์พิธีการ’* กล่าวเอาไว้ว่า ‘หากคำสั่งเกี่ยวพันแผนผังตำรา จงเรียนรู้จากแวดวงขุนนาง หากคำสั่งเกี่ยวพันสมบัติสินบน จงเรียนรู้จากคลังเก็บทรัพย์สิน หากคำสั่งเกี่ยวพันยุทโธปกรณ์ จงเรียนรู้จากคลังเก็บอาวุธ หากคำสั่งเกี่ยวพันเรื่องงานบ้านเมือง จงเรียนรู้จากในท้องพระโรง’ แม้ว่าเจ้าจะมิใช่ปัญญาชนหรือราษฎรทั่วไป แต่ก็จำเป็นต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ จะทำการสิ่งใดคงมีความลำบากใจส่วนตัว จะว่าไปแล้วก็เป็นคนน่าเห็นใจ เมื่อครู่เจ้าไม่รังเกียจที่ข้าวุ่นวายก็ดีเพียงใดแล้ว ข้าจะกล้ากล่าวโทษเจ้าได้อย่างไร”
เป้าจูยิ้มออกมาทั้งน้ำตา “คุณชายหวังไม่ถือสาหาความกับข้าน้อย ทำให้ข้าน้อยรู้สึกขอบคุณยิ่งแล้ว ข้าน้อยต้องสิ้นอิสรภาพอยู่ในกรงขัง ไม่อาจทำสิ่งใดตามใจตนเอง เรื่องเมื่อครู่นี้หาใช่เพราะสมัครใจ แต่เอ้อต้าเหนียงบังคับกดดัน ซื่อจื่อเขา…เขา…”
นางกล่าวพลางเงยหน้าขึ้น ในอกพลันบีบรัดแน่น มองเห็นเถิงอวี้อี้มองนางด้วยรอยยิ้มบางๆ ดวงตากลับเปล่งประกายดุจดวงดาราเย็นเยียบ ถึงสีหน้าจะไม่เปิดเผยความรังเกียจเดียดฉันท์ชัดเจน แต่ราวกับมองความคิดของนางออกทะลุปรุโปร่ง
ฝ่ามือเป้าจูเริ่มมีเหงื่อไหลซึม สตรีที่เรียกขานตนเองว่า ‘คุณชายหวัง’ และการแต่งกายอย่างชาวหูผู้นี้มองนางเป็นดั่งธุลีดินไปแล้ว สภาพเช่นนี้น่าอับอายยิ่งกว่าตอนซื่อจื่อซักไซ้นางต่อหน้าผู้คนเมื่อครู่เสียอีก ประหนึ่งทุกอากัปกิริยาของนางเป็นเพียงเรื่องตลกขบขันในสายตาคุณชายหวัง
นางขยุ้มอกเสื้อแน่นโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นเลือนราง คุณชายหวังสามารถหาวิธีปกป้องนางได้ แต่หากใจแข็งขึ้นมาแล้วกลับหนาวเหน็บโหดร้ายยิ่งกว่าธารน้ำแข็งเย็นยะเยือก การคุ้มครองดูแลที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้ อย่าคิดฝันว่าจะได้รับจากคุณชายหวังอีกเลย
หลังใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบปลอดภัยมาหลายวัน นางเกือบลืมรสชาติการดุด่าทุบตีของแม่เล้ากับแขกคอสุราไปแล้ว ช่วงบ่ายหากไม่ฉวยโอกาสเอาตัวรอดก็ดีหรอก
ตอนนั้นนางครุ่นคิดว่าถึงอย่างไรคุณชายหวังเดิมทีก็เป็นสตรี ตอนนี้แม้ว่าจะคอยดูแลพวกนาง แต่วันหน้าก็อาจจะไม่มาหาดูแลเอาใจใส่พวกนางแล้วก็ได้ มีเพียงการอยู่ในสายตาเฉิงอ๋องซื่อจื่อ วันข้างหน้าถึงจะมีหวังรอดพ้นจากสถานที่เลวร้ายแห่งนี้ ไหนเลยจะรู้ว่าพอนางทุ่มวางเดิมพันหมดหน้าตักกลับแลกมาด้วยความอัปยศอดสูเช่นนี้
นางไม่ยินยอมที่ทั้งสองทางล้วนคว้าน้ำเหลว รีบเค้นน้ำตาออกมาอีกหลายหยด “คุณชายหวัง”
เถิงอวี้อี้วางถ้วยชากระแทกโต๊ะอย่างแรง
ลุงเฉิงกับฮั่วชิวเดินเข้ามาใกล้พลางว่า “แม่นางเป้าจูควรรักษาเกียรติของตนเองไว้บ้าง คุณชายให้ท่านไปก็ไปเถอะ ต่อไปไม่ต้องมาที่นี่อีก”
แพขนตาเป้าจูสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าอีกครั้งก็เห็นดวงตาเถิงอวี้อี้เผยความเย็นชาเด่นชัด ร่างกายนางหนาวสะท้าน ลุกขึ้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก
* ขนมแป้งนุ่มโท่วฮวาฉือ เป็นขนมสมัยราชวงศ์ถังชนิดหนึ่งที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว โดยตัวแป้งข้าวเหนียวด้านนอกจะนุ่มนิ่มกำลังดีและบางเฉียบดุจปีกจักจั่น ทำให้มองทะลุชั้นแป้งเห็นไส้ขนมจำพวกถั่วกวนที่อยู่ด้านในได้อย่างชัดเจน
** เงยหน้าไม่เห็นก้มหน้ากลับเห็น หมายถึงมีโอกาสพบหน้ากันบ่อยครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้
* เทพเซียนฟาดฟัน ผีน้อยรับเคราะห์ เป็นการเปรียบเปรยว่าเมื่อผู้มีตำแหน่งสูงเกิดความขัดแย้งกันหรือเกิดการต่อสู้กัน ทำให้ผู้ที่มีตำแหน่งต่ำกว่าหรือผู้บริสุทธิ์ที่อ่อนแอกว่าพลอยเดือดร้อนไปด้วย
* คัมภีร์พิธีการ (หลี่จี้) มีเนื้อหาว่าด้วยวิธีการประพฤติตนให้มีความรู้และคุณธรรม เป็นหนึ่งในคัมภีร์ทั้งห้าซึ่งประกอบด้วย คัมภีร์โหราศาสตร์ (อี้จิง) ตำราประวัติศาสตร์ (ซั่งซู) คัมภีร์กวี (ซือจิง) บันทึกพงศาวดาร (ชุนชิว) และคัมภีร์พิธีการ (หลี่จี้)
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 31 ส.ค. 66 เวลา 12.00 น.