เหยาหวงแววตาร้อนรนไม่กล้ามองหน้าเก๋อจินโดยตรง ทำได้เพียงหมอบลงด้วยความหวาดกลัว ก่อนโขกศีรษะให้เก๋อจินกับเว่ยจื่ออย่างแรง “เหยาหวงรู้แก่ใจดีว่าทำบาปมหันต์ ไม่กล้าพลิกลิ้นแก้ต่างให้ตนเอง นับตั้งแต่กระทำความผิดใหญ่หลวงก็หวาดวิตกอยู่ตลอดเวลา ไม่มีคืนใดนอนหลับได้สนิทใจ มาวันนี้นอกจากทำไม่สำเร็จสมดังหวังแล้ว ยังต้องสูญเสียน้องสาวแท้ๆ ที่กว่าจะจดจำกันได้ช่างแสนยากเย็นไปด้วย…” นางกัดฟันกรอด “ทั้งหมดนี้เป็นข้าหาเรื่องใส่ตนเอง ข้ายินยอมถูกประหารชีวิตเพื่อไถ่โทษ หนี้แค้นที่ติดค้างพวกเจ้าทั้งสอง คงต้องรอชาติหน้ากลายเป็นวัวเป็นม้าชดใช้แล้ว”
จากนั้นนางก็หันขวับไปโขกศีรษะให้ลิ่นเฉิงโย่ว “เมื่อครู่ไม่ใช่ข้าน้อยไม่ยอมรับโทษ แต่รู้ว่าหากยอมรับโทษก็จะไม่มีใครแก้แค้นให้อาฉวี วันนั้นพอเกิดเรื่องกับอาฉวีข้าน้อยก็รู้ว่านางจะต้องถูกคนทำร้ายเป็นแน่ ความยากลำบากหลายปีมานี้ก็อดทนผ่านพ้นมาได้แล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะตั้งตารอถึงวันที่พี่น้องพบหน้ากัน เหตุใดอยู่ดีๆ ถึงคิดสั้นฆ่าตัวตายได้ แต่วันนั้นซื่อจื่อกับเจ้าหน้าที่ไต่สวนเหยียนต่างบอกว่าอาฉวีฆ่าตัวตาย ข้าน้อยทั้งไม่อาจพูดความจริงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างข้าน้อยกับนาง แล้วก็ไม่อาจหาพยานหลักฐานได้ด้วย แต่ซื่อจื่อ ท่านจะต้องเชื่อข้าน้อยนะเจ้าคะ…” นางร้องไห้คร่ำครวญอย่างเจ็บปวด “ข้าน้อยไม่มีทางทำร้ายอาฉวีแน่นอน…”
ลิ่นเฉิงโย่วขมวดคิ้วไตร่ตรอง เหยาหวงทำร้ายคนไม่ผิดแน่ แต่การตายของชิงจือยังมีจุดที่น่าสงสัยหลายอย่างจริงๆ มองแวบแรกแต่ละอย่างล้วนบ่งชี้ว่าเหยาหวงเป็นคนทำ แต่หากลองคิดให้ละเอียดแล้วกลับรู้สึกได้ว่ามันผิดปกติ ตกลงผิดปกติที่ส่วนใดกันแน่
เหยาหวงคิดว่าจิตใจลิ่นเฉิงโย่วเริ่มสั่นคลอน ก็รีบหมอบต่ำลงอีกครั้ง ก่อนกล่าวอย่างหวาดหวั่นว่า “อาฉวีตายอย่างเป็นปริศนา คนที่ทำร้ายนางจะต้องยังอยู่ในหอแห่งนี้แน่ ซื่อจื่อ ท่านมีสติปัญญาล้ำเลิศ มีแต่ท่านที่จะตามหาได้ว่าคนร้ายคือผู้ใด”
ลิ่นเฉิงโย่วเอ่ยว่า “เงยหน้าขึ้นพูด”
เหยาหวงเงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจระคนยินดี จู่ๆ เบื้องหน้าปรากฏประกายแสงสีส้มสว่างวาบ ลิ่นเฉิงโย่วดีดลูกปัดอาคมออกไปโดยเล็งที่ดวงตาของนาง
คนรอบข้างมองเห็นอย่างชัดเจน อดอุทานออกมาอย่างแผ่วเบาไม่ได้ กระบวนท่านี้จู่โจมฉับพลันยามฝ่ายตรงข้ามพลั้งเผลอ นอกจากเป็นคนมีฝีมือ มิฉะนั้นจะไม่มีทางหลบพ้นได้เด็ดขาด นี่ดูท่าจะแย่แน่แล้ว ดวงตาของเหยาหวงเกรงว่าคงรักษาเอาไว้ไม่ได้อีก
เถิงอวี้อี้ลอบสะดุ้งตกใจ เหยาหวงยอมเอ่ยปากแล้ว ไม่ช้าก็เร็วจะสารภาพหมดเปลือกเอง ในห้องโถงยังมีสหายร่วมงานจากศาลต้าหลี่ เหตุใดลิ่นเฉิงโย่วต้องดีดลูกปัดอาคมใส่ผู้กระทำผิดให้ตาบอดด้วยเล่า
ทันใดนั้นสีหน้าเหยาหวงพลันแสดงอารมณ์หลากหลาย ทว่าร่างกายคล้ายจะหยุดชะงักไม่อาจขยับเขยื้อน
ลูกปัดอาคมเม็ดนั้นพุ่งฉิวไปไวดุจดาวตก อีกเพียงนิดก็จะถึงระยะขนตาเหยาหวงแล้ว เมื่อเห็นว่าใกล้จะโดนลูกปัดเข้าเต็มๆ ห้านักพรตก็กระโดดลุกพรวดขึ้นมาจากที่นั่ง ไม่คิดว่าลูกปัดเม็ดนั้นจะดีดตัวกลับแล้วลอยหายเข้าไปในแขนเสื้อลิ่นเฉิงโย่วตามเดิม
ร่างกายเหยาหวงสั่นสะท้านประหนึ่งตะแกรงร่อนรำข้าว นางทรุดฮวบลงกับพื้นเหมือนโคลนเลน “ซื่อจื่อ ทุกคำพูดของข้าน้อยเป็นความจริงทั้งสิ้น เพราะเหตุใดท่านถึงไม่ยอมเชื่อ”
“ข้าเชื่อสิ เหตุใดข้าจะไม่เชื่อเจ้า” ลิ่นเฉิงโย่วเดินมาหยุดตรงหน้าเหยาหวงแล้วย่อตัวลง “หากคนที่ทำร้ายชิงจือเป็นคนอื่น คนผู้นั้นรู้ว่าเจ้าเป็นพี่สาวแท้ๆ ของชิงจือ ไม่นานจะต้องจัดการเจ้าแน่ ตอนนี้ข้ากับเจ้าหน้าที่ไต่สวนเหยียนยังอยู่ คนผู้นั้นคงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม หากเจ้าอยากมีชีวิตรอด ก็รีบบอกทุกอย่างที่เจ้ารู้ออกมาประเดี๋ยวนี้”
ปลายขนตาเหยาหวงยังมีหยาดน้ำตาเกาะพราว ใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มประหลาดใจ “ได้ เช่นนั้นข้าน้อยจะขอสรุปสั้นๆ ว่าถึงแม้ข้าน้อยจะมอบเงินทองให้อาฉวีอยู่บ่อยๆ แต่เพราะกลัวว่าจะกระตุ้นให้ผู้อื่นเกิดความสงสัยจึงไม่เคยมอบเครื่องประดับให้นาง หากไม่ใช่เพราะวันนี้ได้ยินเป้าจูเอ่ยถึง ข้าน้อยก็ไม่รู้เช่นกันว่าอาฉวีลักลอบซ่อนของอะไรเอาไว้ ที่สำคัญก่อนนางจะตายข้าน้อยไม่เคยไปที่ห้องของนาง ข้าน้อยไม่เคยหยิบของพวกนั้นไป…”
นางกล่าวยังไม่ทันจบประโยค อยู่ๆ ในดวงตาก็ถูกย้อมด้วยสีฟ้าครามชวนพิศวง
ลิ่นเฉิงโย่วตกใจหน้าเปลี่ยนสี รีบยกมือขึ้นสกัดจุดชีพจรสำคัญของนาง ก่อนหยิบยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งจากในแขนเสื้ออย่างรวดเร็ว แล้วบีบขากรรไกรล่างของนางเพื่อป้อนยาเข้าไป
แต่เจ้าสิ่งนั้นแปลกพิสดารยากจะอธิบาย แม้ลิ่นเฉิงโย่วจะลงมือว่องไวปานสายฟ้า สุดท้ายก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง เหยาหวงชักกระตุกล้มลงกับพื้น ประเดี๋ยวเดียวก็แน่นิ่งไม่ไหวติง
* ปาหินก้อนเดียวได้นกสองตัว หมายถึงการกระทำเพียงหนึ่งอย่างแต่ได้ผลประโยชน์สองต่อ ตรงกับสำนวนไทยว่า ‘ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว’
* คลำแตงตามเถา หมายถึงยึดตามเบาะแสที่มีสืบสาวต่อเนื่องไปจนกระทั่งพบผลลัพธ์
* พิณผีผา เป็นเครื่องดนตรีจีนประเภทเครื่องดีด มี 4 สาย จำพวกเดียวกับกีตาร์ ทำจากไม้ รูปทรงเลียนอย่างลูกผีผา (มะปรางจีน)
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนกันยายน 66)