บทที่ 90.2 ตำหนักบูรพาผิดคุณธรรม
ฮ่องเต้จัดงานเลี้ยงที่ซีเน่ย ผลคือเริ่มจากไฟไหม้นางระบำ ถัดมาเหลียนผินที่เป็นสนมคนโปรดและชายารัชทายาทถูกคนฉวยโอกาสผลักตกน้ำ หลังเหลียนผินถูกน้ำเย็นกระตุ้นร่างกาย ตกกลางคืนก็ปวดท้อง อาจรักษาครรภ์ไว้ไม่ได้ ฮ่องเต้กริ้วจัด ระบายเพลิงโทสะใส่สำนักแพทย์หลวง สั่งให้พวกเขารักษาครรภ์ไว้ให้จงได้ จากนั้นก็สั่งตรวจสอบเรื่องไฟไหม้ให้ถึงที่สุด
แต่ที่แปลกประหลาดคือนางกำนัลที่ร่ายรำถวายในวันนั้น รวมถึงนักดนตรีจากกองสังคีตในเรือตลอดจนนางกำนัลขันทีที่ออกความคิด คนทั้งหมดต่างให้การตามจริง ทว่ายังคงสืบไม่ได้ว่าผู้ใดเป็นคนวางเพลิง อันที่จริงเรื่องในวันนั้นทุกคนล้วนเห็นกันชัดเจน ไฟนั้นจู่ๆ ก็ลุกขึ้นเอง มิใช่ฝีมือคนทำโดยสิ้นเชิง ทว่าองครักษ์เสื้อแพรไม่กล้ารายงานตามนั้น ทำได้เพียงบีบบังคับให้คนสารภาพหนักขึ้น คิดจะหาตัวการ ‘วางเพลิง’ ออกมาให้ได้
เนื่องจากเรื่องนางระบำเผาตนเองเป็นที่เขย่าขวัญ อีกทั้งวันนั้นมีผู้เห็นกับตามากเกินไป อยากจะปิดข่าวก็ปิดไม่ได้ องครักษ์เสื้อแพรยังไม่ทันเค้นถามสาเหตุ ข่าวลือเรื่องภูตผีปีศาจก็แพร่ออกไปอย่างเงียบๆ แล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทารกในครรภ์เหลียนผินที่บัดนี้ยังอยู่ในอันตราย บรรดาหมอหลวงชราในสำนักแพทย์หลวงต่างหน้านิ่วคิ้วขมวด รู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าจะรักษาศีรษะไว้ไม่ได้ เจ้านายเบื้องบนอารมณ์ไม่ดี บ่าวไพร่เบื้องล่างล้วนรู้สึกไม่ปลอดภัย ในพระราชวังต้องห้ามมีนางกำนัลขันทีมากมาย กอปรกับในวังขัดแข้งขัดขากันรุนแรงมาหลายปี บ่าวรับใช้ที่ตายไปมีนับไม่ถ้วน สถานที่บางแห่งจึงมีบรรยากาศราวกับภูตผีสิงสู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นเหตุให้ในวังมีข้อห้ามมากมาย ผู้ที่เชื่อเรื่องภูตผีปีศาจก็มากเป็นพิเศษ
ไม่รู้เล่าลือกันออกมาจากที่ใด มีคนนำเรื่องประหลาดครั้งนี้ไปสรุปเป็นว่าเพราะเหล่าเทพและภูตผีโกรธเคือง หลังเล่าลือต่อกันหลายปากก็กลายเป็นว่าตัวการใหญ่ที่ยั่วโทสะเทพและภูตผีเกี่ยวข้องกับตำหนักบูรพา ในพระราชวังต้องห้ามต่างพูดว่ารัชทายาทชะตาแข็งจนไปขัดกับเทพและภูตผี ดังนั้นหลายปีมานี้ในวังจึงไม่มีพระโอรสพระธิดาถือกำเนิด ไม่ง่ายกว่าจะปิดบังสายตาสวรรค์จนตั้งครรภ์ได้หนึ่งพระองค์ ผลคือทำให้เทพและภูตผีในพระราชวังต้องห้ามโมโห เทพและภูตผีจึงส่งไฟบรรลัยกัลป์มาบนร่างสตรีชุดเขียวในวันงานเลี้ยงเพื่อเตือนคนในวัง มิหนำซ้ำพอเพิ่งส่งไฟบรรลัยกัลป์มา หลังจากนั้นเหลียนผินก็ตกน้ำ จนถึงตอนนี้ยังสลบไสลอยู่บนเตียง ทารกในครรภ์ก็เป็นอันตรายมากกว่าปลอดภัย นี่คือกรรมตามสนอง
ขณะที่ฉู่จิ่นเหยาได้ยินข่าวลือพรรค์นี้ ข่าวลือก็ได้แพร่ไปทั่วทั้งในและนอกวังแล้ว ฮองเฮามีคำสั่งห้ามพูดถึงทันที แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร
เพียงไม่นานความวุ่นวายในวังก็ลุกลามไปข้างนอก เริ่มจากมีบัณฑิตจากสำนักราชบัณฑิตที่แทบไม่เคยได้ยินชื่อผู้หนึ่งถวายฎีกาเอ่ยอย่างอ้อมค้อมว่าเรื่องประหลาดในคราวนี้อาจเป็นเพราะสวรรค์กำลังเตือนให้ฮ่องเต้และรัชทายาททบทวนตนเอง หลังจากนั้นขุนนางบุ๋นขั้นสี่อีกสองสามคนก็ถวายฎีกา ตามมาด้วยผู้ตรวจการ ต่อมาแม้แต่สภาขุนนางก็ยังถูกทำให้ตกใจ ฐานะของผู้ถวายฎีกาเริ่มจากเล็กไปใหญ่ ถ้อยคำเริ่มจากอ้อมค้อมไปดุเดือดราวกับคลื่นทะเลสะสมแรง ซ้อนทับกันหลายชั้น สุดท้ายก็ก่อตัวเป็นคลื่นโหมซัดสาดที่น่าหวาดกลัว
คำวิพากษ์วิจารณ์ว่าตำหนักบูรพาผิดคุณธรรมม้วนกวาดทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน นับแต่โบราณมาหากเกิดเหตุการณ์ฟ้าผิดแปลกไปหรือเกิดภัยพิบัติบ่อยครั้ง เหล่าขุนนางจะคิดว่าเป็นเพราะโอรสสวรรค์ไร้คุณธรรม เป็นเหตุให้สวรรค์บันดาลให้เกิดเหตุการณ์ประหลาดเพื่อเตือน เวลานี้ต่อให้เป็นฮ่องเต้ก็ยังจนปัญญา ทำได้เพียงยอมรับว่าวาจาและการกระทำของตนเองบริสุทธิ์จริงใจไม่พอ คุณธรรมความประพฤติสูงส่งไม่พอ จึงออกพระราชโองการตำหนิตนเอง จากนั้นก็จุดธูปเซ่นไหว้ขอให้สวรรค์ประทานอภัย แต่เรื่องไฟไหม้ครั้งนั้นประหลาดโดยแท้ มิหนำซ้ำวันนั้นนางกำนัลผู้นั้นก็สวมชุดเขียว เรือลอยอยู่บนผืนน้ำสีเขียว ตำหนักบูรพาตั้งอยู่ทิศตะวันออกซึ่งเป็นธาตุไม้ สีเขียวเป็นสีที่แสดงถึงรัชทายาทมาแต่ไหนแต่ไร คล้ายว่านานาปัจจัยล้วนชี้ไปที่คนผู้หนึ่ง