ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกเร้นชะตา บทที่ 49.1-49.3
บทที่ 49.1 ชมบุปผาผ่านสายน้ำ
จู่ๆ รัชทายาทมาที่จวนไหวหลิงจวิ้นอ๋องทำเพื่ออันใด
หลังฉู่จิ่นเหยา ‘พลั้งมือ’ ทำของตกใส่รัชทายาท ไม่ทันได้ใคร่ครวญอะไรมากก็ถูกบ่าวไพร่ที่ตื่นตระหนกพามาถึงห้องโถงด้านหน้า ก่อนหน้านี้ชายาเฒ่ายังจัดเลี้ยงรับรองแขกอยู่ที่นี่ ทว่าบัดนี้ร่องรอยการกินดื่มได้หายไปจนหมดสิ้น มิหนำซ้ำในห้องโถงยังเปลี่ยนเครื่องหอมใหม่เพื่อกลบบรรยากาศงานเลี้ยงเมื่อครู่นี้ ชายาเฒ่าคาดแถบคาดหน้าผาก อาภรณ์บนร่างได้เปลี่ยนใหม่แล้ว นางนำสะใภ้ทั้งสองของตนเองรวมถึงเหล่าฮูหยินที่มาเป็นแขกถวายบังคมฉินอี๋อย่างเคารพนบนอบด้วยร่างที่สั่นเทาอยู่บ้าง
“หม่อมฉันถวายบังคมรัชทายาทเพคะ”
สตรีที่เหลือคุกเข่าลงกับพื้นตามชายาเฒ่า ฉู่จิ่นเหยากับบรรดาคุณหนูเพิ่งกลับมาจากสวนบุปผา เห็นภาพนี้ก็ทำได้เพียงรีบทำความเคารพตาม
คนทั้งหลายกล่าวถวายบังคม คุกเข่าลงไปตามๆ กัน จากด้านนอกมองเห็นเพียงศีรษะดำทะมึน ในนั้นถึงขั้นมีผู้อาวุโสที่อายุมากพอจะเป็นท่านย่าของฉินอี๋อยู่ด้วย ทว่าเมื่อฉินอี๋เผชิญหน้ากับคนเหล่านี้กลับไม่มีท่าทางอึดอัด เขายืนอยู่เบื้องหน้ากลุ่มคนที่กำลังคุกเข่าคารวะ แววตาสงบนิ่ง เรือนกายตั้งตรง ชายาเฒ่ากับชายาจวิ้นอ๋องต่างเปลี่ยนมาสวมชุดพิธีการสำหรับนายหญิงตราตั้ง* พวกไหวหลิงจวิ้นอ๋องกับหลินซีหย่วนที่อยู่ด้านหลังก็สวมชุดประจำตำแหน่งประดับผ้าปักตราสัญลักษณ์เช่นกัน มีเพียงฉินอี๋ที่สวมชุดลำลอง แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ท่าทีของฉินอี๋ก็มิได้ดูอ่อนแอแม้แต่น้อย กลับปรากฏลักษณะเย็นชาห่างเหินเช่นผู้มีตำแหน่งสูงศักดิ์ออกมาเนื่องจากท่าทางไม่แยแสนั่นเสียด้วยซ้ำ
คล้ายว่าเขาเกิดมาก็ควรยืนอยู่ในตำแหน่งนั้นแต่แรกแล้ว
ฉินอี๋ผงกศีรษะเบาๆ กล่าวว่า “ชายาเฒ่ามิต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถิด”
ฉินอี๋พูดจบ ขันทีน้อยที่อยู่ด้านหลังก็ก้าวไปประคองชายาเฒ่าให้ลุกขึ้นอย่างรู้กาลเทศะทันที พวกชายาจวิ้นอ๋องก็ยืนตรงอย่างแช่มช้าโดยมีสาวใช้คอยประคอง ครั้นคนทั้งหลายยืนกันดีแล้ว ชายาเฒ่าก็เอ่ยขึ้น
“รัชทายาท จวนซอมซ่อแห่งนี้มีคุณธรรมความสามารถอันใดถึงกับได้รับเกียรติให้รับเสด็จ รัชทายาทเสด็จมาเยือน เหตุใดมิทรงแจ้งล่วงหน้าเล่าเพคะ พวกเราจะได้ออกไปรับเสด็จนอกจวน วันนี้ถวายการรับรองบกพร่องแล้ว”
ฉินอี๋ตอบ “ชายาเฒ่าเกรงใจแล้ว ข้าได้ข่าวว่าใกล้จะครบรอบวันคล้ายวันเกิดของชายาเฒ่าจึงมามอบของขวัญอวยพรให้ หากรบกวนงานเลี้ยงที่ชายาเฒ่าและชายาจวิ้นอ๋องตระเตรียมไว้ นั่นก็เป็นความผิดแล้ว”
ชายาเฒ่าย่อมพูดอย่างถ่อมตน แต่กล่าวตามตรงการจู่โจมอย่างกะทันหันของรัชทายาททำให้นางรับมือไม่ทันจริงๆ ใครจะคิดกันเล่าว่ารัชทายาทพระองค์นี้จะออกลาดตระเวนด้วยชุดลำลอง จนกระทั่งคนทั้งกลุ่มเข้าอาณาเขตเมืองไท่หยวนถึงได้ให้คนมาส่งข่าว ไหวหลิงจวิ้นอ๋องได้ยินข่าวก็ตกใจแทบสิ้นสติ เขากลับจวนแทบไม่ทัน รีบส่งบ่าวชายคนหนึ่งกลับมาแจ้งข่าว ส่วนตนเองก็สวมชุดขุนนางออกไป ครั้นไล่ตามรัชทายาทไปทันอย่างไม่ง่ายดาย รัชทายาทกลับไม่ยอมให้แพร่งพรายข่าว บอกเพียงว่าอย่ารบกวนราษฎรแล้วเข้าเมืองมาเงียบๆ เช่นนี้
จวนไหวหลิงจวิ้นอ๋องอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองไท่หยวน รัชทายาทอ้างว่ามาอวยพรวันคล้ายวันเกิด ไม่อยากทำให้คนแตกตื่นจึงมิได้ไปพบปะเจ้าเมืองไท่หยวน แต่ตรงมาที่จวนไหวหลิงจวิ้นอ๋องแทน ไหวหลิงจวิ้นอ๋องจะทำอย่างไรได้ เขาได้แต่ทำตามความต้องการของรัชทายาท ตลอดทางมิได้สะบัดแส้เบิกทางและมิได้มีขันทีร้องตะโกน แทบจะเข้าจวนมาอย่างไร้สุ้มเสียง
หากรัชทายาทเสด็จครานี้สวมฉลองพระองค์ด้วยชุดรัชทายาท ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรอรับเสด็จจากประตูใหญ่ของจวนไหวหลิงจวิ้นอ๋องอย่างเต็มพิธีการ แต่รัชทายาทเสด็จมาด้วยชุดลำลอง มิได้พิถีพิถันถึงเพียงนั้น พวกเขาจึงตรงเข้ามาทางประตูข้าง เดินทะลุสวนบุปผาไปถึงเรือนใหญ่ที่อยู่ด้านหน้า ระหว่างทางไหวหลิงจวิ้นอ๋องยังปลอบใจตนเองอยู่ว่าโชคดีที่ทัศนียภาพสวนบุปผาของพวกเขานับว่าไม่เลว คนก็น้อย ไม่มีทางเกิดเรื่องเสียมารยาทหรือล่วงเกินรัชทายาท แต่ไหวหลิงจวิ้นอ๋องคาดไม่ถึงว่าจะบังเอิญพบเหล่าคุณหนูที่มาเที่ยวชมสวนระหว่างทางพอดี มิหนำซ้ำยังมีคนเกือบจะทำของตกใส่รัชทายาทอีกด้วย!
ไหวหลิงจวิ้นอ๋องไม่รู้ว่าตนเองควรโมโหหรือควรหวาดกลัวดี!
เคราะห์ดีที่รัชทายาทมิได้ถือสาหาความอะไร หลังไหวหลิงจวิ้นอ๋องกับชายาเฒ่ากล่าวปฏิเสธอย่างถ่อมตนเสร็จก็เชิญรัชทายาทไปนั่งด้วยท่าทางเคารพนบนอบ ไหวหลิงจวิ้นอ๋องกับชายาเฒ่านั่งเป็นเพื่อนอยู่ด้านข้าง เหล่าขุนนางที่ตามเสด็จนั่งถัดลงมา หลินซีหย่วนยืนด้านหลังไหวหลิงจวิ้นอ๋อง ชายาจวิ้นอ๋องยืนนอบน้อมอยู่ด้านหลังชายาเฒ่า คนที่เหลือต่างยืนกุมมือตนเองเงียบๆ ก้มหน้าน้อยๆ อยู่ด้านหลังถัดไปอีก
ในสถานการณ์เช่นนี้แม้แต่ซื่อจื่ออย่างหลินซีหย่วนกับชายาจวิ้นอ๋องยังไม่มีสิทธิ์ที่จะนั่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม่นางน้อยที่ยังไม่ออกเรือนอย่างพวกฉู่จิ่นเหยา พวกนางยืนอยู่ด้านหลังสุด ด้านหน้ามีเหล่าฮูหยินยืนอยู่มากมาย เหลือบมองก็เห็นเพียงเสื้อผ้าอาภรณ์หลากสีสัน ทว่ายืนอยู่ด้านหลังก็ดีเช่นกัน ฉู่จิ่นเหยาก้มหน้าน้อยๆ ปล่อยให้ฮูหยินที่อยู่ด้านหน้าบดบังนางไว้มิดชิด จากนั้นก็ปล่อยใจให้ล่องลอยไปไกล
แม้จะกล่าวว่ามีเส้นแบ่งขนาดใหญ่ระหว่างบุรุษและสตรี ฉู่จิ่นเหยาเป็นเด็กสาวยังไม่ออกเรือน ไม่ควรพบหน้าบุรุษอื่นนอกจากบิดาและพี่ชายน้องชาย แต่สายเลือดราชวงศ์ระดับรัชทายาทนี้เห็นได้ชัดว่ามิอาจใช้ธรรมเนียมปฏิบัติมาผูกมัดได้ รัชทายาทเสด็จ คนทั้งจวนกลับไม่ออกมารับเสด็จ นี่ย่อมเป็นความผิดมหันต์ถึงชีวิต
ฉินอี๋นั่งอยู่ตำแหน่งบนสุด ฟังชายาเฒ่ากล่าวเรื่องดีๆ อย่างระมัดระวัง เขาเหม่อลอยอยู่บ้าง เมื่อครู่เขามองเห็นฉู่จิ่นเหยา แต่บัดนี้นางยืนอยู่ตรงที่ใด ไยชั่วพริบตาก็หายไปแล้ว
ทางด้านฉู่จิ่นเหยาในเวลานี้กำลังเอนกายลอบมองรัชทายาทผ่านช่องว่างระหว่างบรรดาฮูหยิน มีแขนเสื้อของคนด้านหน้าบังอยู่หลายชั้น ไม่ว่าใครก็ไม่เห็นสายตาของนาง
ฉู่จิ่นเหยาพินิจมองอย่างละเอียดอยู่หลายอึดใจ ในใจกลับกำลังคิดว่าเหตุใดบนโลกนี้ถึงมีคนที่รูปโฉมคล้ายกันได้ปานนี้
ในสมองนางพลันมีความคิดอย่างใจกล้าประการหนึ่งผุดขึ้นมา หรือฉีเจ๋อกับรัชทายาทจะเป็นคนคนเดียวกัน?
ฉู่จิ่นเหยาถูกความคิดของตนเองทำเอาตกใจจนสะดุ้ง ใบหน้ากลายเป็นซีดเผือดอย่างควบคุมไม่อยู่ นางรีบมองซ้ายแลขวา พบว่าสายตาของทุกคนล้วนรวมกันอยู่บนร่างรัชทายาทที่อยู่ด้านหน้า หาได้มีใครสังเกตเห็นนางไม่ ถึงค่อยโล่งใจเล็กน้อย
ครั้นอารมณ์สงบลงแล้วฉู่จิ่นเหยากลับเริ่มมีแก่ใจจะไตร่ตรองความจริงเท็จของการคาดเดานี้
นางกลั่นกรองความคิดอยู่เนิ่นนาน แต่ยังคงรู้สึกว่าเป็นไปไม่ค่อยได้ รัชทายาทเป็นผู้สืบสายเลือดมังกร มีปราณมังกรคุ้มครอง จะไปปรากฏตัวที่เมืองไท่หยวนซึ่งอยู่ไกลเป็นพันหลี่อย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียงได้อย่างไร มิหนำซ้ำยังเป็นที่จวนฉางซิงโหวอีก ส่วนตอนที่ฉีเจ๋อปรากฏตัวตรงกับปลายเดือนหนึ่งต้นเดือนสอง เวลานั้นรัชทายาทยังต้านทานข้าศึกอยู่ที่ด่านชายแดน คนมากมายเพียงนั้นต่างก็เห็นกันอยู่ อีกทั้งรัชทายาทก็มิได้มีวิชาแยกร่าง แล้วจะปรากฏตัวสองที่ในเวลาเดียวกันได้อย่างไร
อีกทั้งฉู่จิ่นเหยาใช้สายตาของคนนอกมองสองคนนี้ก็รู้สึกว่าฉีเจ๋อกับรัชทายาทมีนิสัยไม่เหมือนกัน รัชทายาทสูงส่งบริสุทธิ์ปรีชาสามารถ ดูห่างเหินน่าเกรงขาม แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์โดยกำเนิด ไม่เหมือนกับฉีเจ๋อที่ทั้งปากร้ายและน่าชังเลยสักนิด
ที่สำคัญที่สุดคือบัดนี้รัชทายาทที่เป็นคนเป็นๆ ยังนั่งอยู่เบื้องหน้าคนทั้งหลายอย่างสบายดี แล้วจะเป็นดวงวิญญาณได้อย่างไรกัน
ฉู่จิ่นเหยาคิดอยู่นาน ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองคาดเดาได้ไม่ผิด เป็นตามนี้แน่นอน ส่วนเรื่องที่ฉีเจ๋อกับรัชทายาทองค์ปัจจุบันรูปโฉมคล้ายกันมาก…อาจเป็นเพราะรัชทายาทเป็นโอรสมังกร มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองโดยกำเนิด ดังนั้นฉีเจ๋อที่เป็นภูตหยกจึงมีรูปโฉมคล้ายรัชทายาท
ความคิดนี้เอาชนะฉู่จิ่นเหยาได้ในชั่วพริบตา ราวกับว่านางได้ปลดเปลื้องภาระหนักอึ้งออกจากร่าง อารมณ์สดชื่นแจ่มใสขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉู่จิ่นเหยาหัวเราะเยาะตนเองเงียบๆ อยู่ดีไม่ว่าดีเอาแต่คิดเหลวไหลอะไรอยู่ ถึงกับคิดว่าภูตหยกของนางจะเป็นรัชทายาท เหลวไหลสิ้นดี เป็นเรื่องเพ้อฝันโดยแท้
Comments
