ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกเร้นชะตา บทที่ 49.1-49.3
ฉู่จิ่นเหยาทั้งโกรธและโมโห ส่วนหลิงหลงก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเซี่ยนจู่จะทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ นางประคองมือของฉู่จิ่นเหยาไว้ด้วยความปวดใจ บนข้อมือขาวเนียนของฉู่จิ่นเหยามีรอยฟันอยู่สองแถว บางจุดมีเลือดซึม หลิงหลงเพลิงโทสะปะทุ อยากจะด่าทอเซี่ยนจู่ออกมาด้วยซ้ำ
“คนอะไร อายุเท่าไรแล้วยังกัดคนอยู่อีก”
“หลิงหลง ไม่ต้องพูดแล้ว” ฉู่จิ่นเหยาขมวดคิ้วอดกลั้นต่อความเจ็บแปลบที่ข้อมือ นางโคลงศีรษะกล่าวว่า “หากมีคนได้ยินเข้า ผู้ที่รับเคราะห์ก็คือพวกเรา วาจาเช่นนี้อย่าได้พูดอีก”
หลิงหลงมีหรือจะไม่เข้าใจเหตุผลนี้ แต่นางเห็นคุณหนูของตนเตือนเซี่ยนจู่ด้วยความหวังดี ทว่ากลับถูกเซี่ยนจู่ที่เกเรเอาแต่ใจไร้สมองผู้นั้นของจวนจวิ้นอ๋องกัดจนบาดเจ็บก็ให้โมโหแทบตายจริงๆ หลิงหลงจึงเอ่ยขึ้น
“คุณหนูอดทนไว้ก่อนนะเจ้าคะ บ่าวจะกลับไปหยิบยา จากนั้นจะพาท่านไปหาชายาเฒ่า ชายาเฒ่านับว่าเป็นคนมีเหตุผลจะต้องไม่นิ่งดูดายอย่างแน่นอน”
ฉู่จิ่นเหยายิ้มพลางส่ายหน้า ถึงชายาเฒ่าจะมีเหตุผล แต่จะช่วยคนนอกหรือไร คุณหนูตระกูลใหญ่ถึงกับกัดคน นี่เป็นเรื่องน่าขายหน้าเพียงไร ชายาเฒ่ามีหรือจะเข้าข้างนาง เกรงว่าคนแรกที่จะปิดข่าวไกล่เกลี่ยให้เรื่องราวเงียบลงก็คือชายาเฒ่านั่นเอง
ฉู่จิ่นเหยามิได้พูดอะไรต่อ เพียงบอกว่า “เจ้าไปที่หอชมการแสดง รายงานเรื่องของเซี่ยนจู่ให้พระชายาและชายาเฒ่าทราบก่อน ถ้าเกิดล่วงเกินรัชทายาทเข้าจะเป็นเรื่องใหญ่เอา เซี่ยนจู่นางยินดีรนหาที่ตาย แต่พวกเราจะตายไปกับนางไม่ได้”
หลิงหลงลังเล “แต่แผลของคุณหนู…”
“ไม่เป็นไร แผลภายนอกเท่านั้นเอง” ฉู่จิ่นเหยากล่าว “เจ้าไปหาชายาเฒ่ากับพระชายาก่อน ใครก็ได้ทั้งนั้น การห้ามเซี่ยนจู่สำคัญที่สุด”
หลิงหลงยังคงพะว้าพะวัง สุดท้ายนางก็พูดอย่างตัดสินใจได้ “คุณหนูนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะเจ้าคะ อย่าเดินไปที่ใด อดทนไว้สักนิด ตรงนี้ไม่นับว่าไกลจากเรือนของพวกเรา บ่าวจะรีบวิ่งกลับไปบอกเจี๋ยเกิ่งให้นางมาใส่ยาให้ท่านแล้วค่อยไปแจ้งชายาเฒ่าที่หอชมการแสดง”
ได้แต่ทำตามนี้แล้ว ฉู่จิ่นเหยาพยักหน้า “ดี ระหว่างทางเจ้าเองก็ระวังด้วย”
หลิงหลงประคองฉู่จิ่นเหยาไปนั่งในศาลารับลม จากนั้นก็วิ่งออกไปไวปานเหาะ ทางด้านฉู่จิ่นเมี่ยวก็ลอบตามหลังมา แต่นางได้ส่งสาวใช้มาดักซุ่มดูความเคลื่อนไหวของฉู่จิ่นเหยาอยู่ก่อน
สาวใช้น้อยซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ ชะเง้อมองดูอยู่ครึ่งค่อนวันยังไม่ทันเดาความเป็นไปทั้งหมดออกก็เห็นหลิงหลงวิ่งมาแล้ว สาวใช้น้อยสะดุ้ง รีบถอยทันที
ครั้นสาวใช้น้อยวิ่งกลับมา ฉู่จิ่นเมี่ยวก็รีบถามว่า “เป็นอย่างไร ข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น”
สาวใช้น้อยตอบทั้งที่ยังหอบ “บ่าวไม่เห็นเซี่ยนจู่ เห็นเพียงคุณหนูห้านั่งอยู่ในศาลา คล้ายว่ามือจะได้รับบาดเจ็บ สาวใช้ของนางพยุงคุณหนูห้าไปนั่งเรียบร้อยก็วิ่งออกมาคนเดียวเจ้าค่ะ”
ฉู่จิ่นเมี่ยวคิดได้ทันที เดาว่าหลิงหลงน่าจะวิ่งออกมาตามหมอ ฉู่จิ่นเมี่ยวหัวเราะเสียงเย็นก่อนเอ่ยว่า “ช่างเป็นสาวใช้ที่จงรักภักดีเสียจริง เจ้านายได้รับบาดเจ็บ นางกลับวิ่งหนี ไป พวกเราไปจัดการสาวใช้ที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้แทนน้องหญิงห้า”
ทางด้านหลิงหลงกำลังกังวลว่าฉู่จิ่นเหยาอยู่เพียงลำพัง อยากจะรีบกลับไปเรียกเจี๋ยเกิ่งออกมา น่าเสียดายที่ยิ่งรีบก็ยิ่งติดขัด ขณะอยู่ห่างจากเรือนเพียงนิดเดียว หลิงหลงกลับถูกฉู่จิ่นเมี่ยวขวางไว้
“เอ๊ะ? นี่มิใช่หลิงหลงข้างกายน้องหญิงห้าหรือ” ฉู่จิ่นเมี่ยวยิ้มพลางพูด “ไยเจ้ามาอยู่ตรงนี้ น้องหญิงห้าเล่า”
หลิงหลงเห็นฉู่จิ่นเมี่ยวแล้วก็มิได้มีท่าทางไม่ดีอะไร นางยังคงก้มหน้ากล่าวโดยที่รักษามารยาทไว้ “คุณหนูห้าเริ่มเหนื่อยแล้วจึงพักเท้าอยู่ทางข้างหน้า บ่าวกลับมาหยิบของให้คุณหนูห้าเจ้าค่ะ”
หลิงหลงไม่กล้าบอกว่าฉู่จิ่นเหยาได้รับบาดเจ็บที่มือ กลัวว่าฉู่จิ่นเมี่ยวได้ยินแล้วจะเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา แต่หลิงหลงไม่รู้ว่าฉู่จิ่นเมี่ยวรู้เรื่องอยู่ก่อนแล้ว
ฉู่จิ่นเมี่ยวยิ้มเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “ข้านึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร ที่แท้ก็กลับมาหยิบของ จริงด้วย พระชายามีธุระให้มาแจ้งเซี่ยนจู่ เจ้าพาข้าไปพบเซี่ยนจู่ก็แล้วกัน”
หลิงหลงเงยหน้าขึ้นโดยพลัน กัดริมฝีปากอย่างแรง “บ่าวเกรงว่าจะไม่สามารถทำตามคำสั่งได้ คุณหนูห้ายังรอให้บ่าวนำของกลับไปให้อยู่เจ้าค่ะ”
“เอ๊ะ? นี่เจ้าไม่เชื่อฟังแม้แต่คำสั่งของข้าแล้วหรือ” ฉู่จิ่นเมี่ยวพูดอย่างไม่ยอมถอย “คำสั่งของพระชายาเจ้ากล้าไม่ปฏิบัติตามรึ”
หลิงหลงโมโหแทบตาย นางมองไปทางเรือนไม่หยุด แต่ระยะห่างเพียงเล็กน้อยเท่านี้นางกลับไร้หนทางจะไปถึง สุดท้ายหลิงหลงก็ทำได้เพียงพูดทั้งที่แค้นใจอย่างยิ่ง
“บ่าวมิกล้า”
ในเวลาเดียวกันนี้ฉู่จิ่นเหยามิรู้ว่าหลิงหลงถูกคนบังคับพาตัวไปแล้ว นางนั่งอยู่ในศาลา ไม่นานนักฟ้าก็เริ่มมืด สายฟ้าวาบผ่านท่ามกลางเมฆดำ ก่อนที่เสียงฟ้าร้องจะดังตามมาติดๆ
ฉู่จิ่นเหยามองสีท้องฟ้าข้างนอกพลางถอนหายใจแล้วพึมพำว่า “ฝนจะตกแล้ว ไม่รู้ว่าหลิงหลงเดินถึงที่ใด อย่าได้ถูกฝนขวางไว้เชียว ดูจากเวลานางควรถึงเรือนแล้ว คิดว่าอีกไม่นานเจี๋ยเกิ่งก็คงมาถึง”
นางทำได้เพียงนั่งรออยู่ในศาลา ฝนยามฤดูใบไม้ผลิจู่ๆ ก็มาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ลมเย็นปนไอน้ำพัดผ่าน เพียงไม่นานฝนก็เทลงมา
ฉู่จิ่นเหยาเริ่มหนาวขึ้นมา นางอดลุกขึ้นมองไปยังม่านพิรุณไม่ได้ “ไยเจี๋ยเกิ่งไยยังไม่มาเสียที หรือจะประสบเรื่องไม่คาดฝันอะไรระหว่างทาง”
ขณะที่นางกำลังร้อนรน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังมาจากนอกม่านพิรุณ “ตรงนี้มีศาลา เสด็จหลบฝนข้างในก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
(ติดตามต่อได้ในรูปแบบ E-book ฉบับเต็มวันที่ 27 มีนาคม 2568)
Comments
