“ข้าว่านะคุณชายที่เข้าเมืองมาท่านนั้นเทียบบุรุษหน้าหยกสกุลเฉียวมิได้แน่นอน ถึงเมืองหลวงจะดี แต่ไหนเลยจะสู้ความงดงามตามธรรมชาติของชาวเราแถบนี้ได้ โดยเฉพาะอำเภอจยาเฟิงถิ่นคนงามที่เลื่องลือไปทั่วทุกหนแห่งไม่ว่าไกลใกล้”
เด็กสาวที่สำรวมเรียบร้อยตั้งแต่เข้ามานั่งในเพิงน้ำชาอดเงยหน้าขึ้นมองคนพูดแวบหนึ่งไม่ได้
“อะไรกัน ไฉนข้าได้ยินว่าบุรุษหน้าหยกสกุลเฉียวผู้นั้นก็มาจากเมืองหลวงเช่นกัน”
“บุรุษหน้าหยกสกุลเฉียวมาจากเมืองหลวงมิใช่เรื่องเท็จ แต่เขาเป็นชาวจยาเฟิงขนานแท้ เมื่อหลายปีก่อนตอนอาจารย์เฉียวสิ้นบุญ เขาติดตามครอบครัวกลับบ้านเดิมมาไว้ทุกข์ให้ท่านปู่”
“เอ๊ะ?! ที่แท้บุรุษหน้าหยกสกุลเฉียวเป็นหลานของอาจารย์เฉียวหรือ”
ยามเอ่ยถึง ‘บุรุษหน้าหยกสกุลเฉียว’ คนท้องถิ่นจะต่อท้ายคำหนึ่งว่า ‘แห่งจยาเฟิง’
แต่หากกล่าวถึงอาจารย์เฉียว เช่นนั้นคนทั้งปฐพีล้วนนึกถึงคนผู้เดียวกันคือ ท่านเฉียวจัว อดีตหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง จอมปราชญ์นามกระเดื่องทั่วหล้าผู้ถูกขนานนามว่าเป็นคนเก่งอันดับหนึ่งของแผ่นดิน
เพียงเสียดายว่าอาจารย์เฉียวล่วงลับไปเมื่อสองปีก่อนแล้ว
เสียงทอดถอนใจดังระงมขึ้นในเพิงน้ำชา
เด็กสาวหลุบตาซ่อนแววตาที่ผิดแปลกไป หูของนางไม่ได้ยินเสียงพวกนั้นแล้ว
ตอนนางลืมตาฟื้นคืนชีพ ก็เปลี่ยนจากเฉียวเจาหลานสาวของอาจารย์เฉียวและภรรยาของแม่ทัพเป่ยเจิงเซ่าหมิงยวนกลายเป็นหลีเจาเด็กสาวอายุสิบสามปีไปแล้ว มิหนำซ้ำยังตกอยู่ในมือของโจรค้าทาส นางคิดไม่ถึงว่าไปๆ มาๆ ตนกำลังจะกลับถึงบ้านเกิดของตนเองแล้วหรือนี่
ท่านปู่… เฉียวเจารำพึงในใจ
หลังจากออกเรือนไปอยู่เมืองหลวง นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตนจะได้มาอยู่ใกล้ๆ กับสถานที่ที่คะนึงหาทุกขณะจิตจนเก็บไปฝันทั้งกลางวันกลางคืนนับครั้งไม่ถ้วนในอีกฐานะหนึ่งด้วยวิธีการเฉกนี้
จยาเฟิง…ที่นั่นเป็นที่ฝังร่างของท่านปู่ซึ่งนางเคารพรักมากที่สุด และยังมีญาติพี่น้องสายเลือดเดียวกันที่กลับจากเมืองหลวงพำนักอาศัยอยู่
นับวันดูแล้วตอนนี้พวกท่านพ่อคงออกทุกข์แล้ว
เฉียวเจาลอบกำมือเป็นหมัด ชำเลืองตามองบุรุษที่ดื่มน้ำชาพรวดๆ ปราดหนึ่งโดยไม่ให้ส่อพิรุธ
ในความทรงจำที่หลงเหลือในหัวสมอง ตั้งแต่สาวน้อยหลีเจาตกอยู่ในมือคนผู้นี้เคยพยายามหลบหนีหลายครั้งหลายหน ทว่าไม่มีคราใดไม่ลงท้ายด้วยความล้มเหลว
ครั้งที่ระทึกใจที่สุดนั้น แม่นางน้อยฉวยจังหวะหนีพ้นมาได้ นางวิ่งไปร้องไห้ตะโกนไปว่าถูกคนผู้นี้ล่อลวงไปขาย ดึงคนที่ผ่านไปผ่านมาให้หยุดมุงดูได้ไม่น้อย
พอบุรุษผู้นี้ไล่ตามทัน เขาก็ปาดน้ำตาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหวังดี
‘ลูกพ่อ พ่อรู้ว่าเจ้าเกลียดพ่อที่ขัดขวางไม่ให้เจ้าหนีตามหวังเอ้อร์หนิวที่อยู่ข้างบ้าน แต่ถึงถูกเจ้าเกลียดสักปานใด ข้าก็ไม่อาจมองดูเจ้าหลงเดินทางผิดได้! หยุดก่อเรื่องเสียที ตามพ่อกลับเรือนดีๆ เถอะนะ แม่เจ้าร้องไห้จนจะตาบอดอยู่แล้ว…’
จากนั้นต่อให้นางร้องไห้โวยวายจนเสียงแหบเสียงแห้งก็ไม่อาจเหนี่ยวรั้งคนที่มุงดูไว้ได้อีก
เขาสั่งสอนนางอย่างหนักยกหนึ่งในที่ลับตาคน และยิ่งจับตาดูนางอย่างไม่ให้คลาดสายตานับตั้งแต่นั้น ส่วนที่ได้รับอิสระเล็กๆ น้อยๆ ในตอนนี้เป็นผลมาจากสองวันนี้เฉียวเจาซึ่งวิญญาณเข้าสวมร่างเด็กสาวแทนทำตัวดีเป็นพิเศษ
“ไปเถอะ” โจรค้าทาสวางเงินอีแปะสองสามเหรียญแล้วลุกขึ้นยืน
เฉียวเจากุลีกุจอลุกขึ้นเดินตามเขาออกไปโดยไม่เหลียวซ้ายแลขวา
ความเคลื่อนไหวทางนี้ทำให้นางตกเป็นเป้าสายตาอีกหน