“อยากอยู่ต่อจริงๆ รึ” ฉือชั่นเลิกคิ้วสูงอย่างหงุดหงิดมากขึ้นทุกที
เฉียวเจาสั่นศีรษะ สืบเท้าขึ้นหน้าหนึ่งก้าวแล้วยื่นมือไปหาเขา
ฉือชั่นจับข้อมือนาง ดึงตัวขึ้นหลังม้าทันทีโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
เสียงลมพัดอู้ละม้ายคมมีดบาดผิวหน้าเฉียวเจา พร้อมกันนั้นยังกรีดลงกลางใจนางด้วย
ที่แท้สายลมในฤดูใบไม้ผลิก็หนาวเหน็บปานนี้
เฉียวเจาคิดคำนึงเช่นนี้พลางเหลียวหน้าไปมองหมู่บ้านที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังนิ่งนานเป็นครั้งสุดท้าย
เพลานี้แสงอาทิตย์อัสดงฉายฉานเต็มท้องฟ้ากับสวนซิ่งจื่อที่ปิดกั้นความอัปลักษณ์และงดงามไว้บรรจบเป็นผืนเดียวกัน เหลือไว้เพียงความเงียบเชียบสุขสงบของหมู่บ้าน
ควันไฟจากการหุงอาหารลอยอวลอ้อยอิ่ง ราวกับทุกสิ่งยังคงเป็นดังวันวาน มีเพียงเด็กสาวที่ขี่ม้าจากไปไกลถึงล่วงรู้ว่าตนสูญเสียอะไรไปแล้วบ้าง
ยามนี้ฝุ่นควันที่ฟุ้งตลบขึ้นจากฝีเท้าม้าจางหายไปจนหมด เงาร่างสายหนึ่งโฉบผ่านมุมหนึ่งของสวนซิ่งจื่อแล้วจากที่นี่ไปเช่นเดียวกัน
กลุ่มของเฉียวเจาเข้าเมืองได้ทันก่อนประตูเมืองปิด จากนั้นเลือกเข้าพำนักในโรงเตี๊ยมชั้นดีแห่งหนึ่งในเมือง
หลังจากประตูเมืองเลื่อนปิดเข้าหากันอย่างเนิบนาบ คนผู้หนึ่งรุดมาถึงอย่างเร่งร้อน
“ประตูเมืองปิดแล้ว อยากเข้าเมืองก็รีบมาแต่เช้าวันพรุ่งนี้” ทหารยามบอกอย่างรำคาญใจ
คนผู้นั้นล้วงป้ายคำสั่งป้ายหนึ่งจากอกเสื้อ ชูผ่านเบื้องหน้าสายตาทหารยามวูบหนึ่ง
ทหารยามทำหน้าเจื่อนทันใด กล่าวอย่างตะกุกตะกัก “ที่แท้เป็น…เป็น…”
“มัวพล่ามอะไร ยังไม่รีบเปิดประตูอีก”
“ขอรับ” ทหารยามลุกลนเปิดประตูเมือง รอจนคนผู้นั้นไปไกลแล้วถึงกล้ายกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก
“หัวหน้า นั่นใครหรือขอรับ” ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาขยับมาใกล้
ทหารยามมองซ้ายทีขวาที ก่อนจะลดสุ้มเสียงลงบอกชื่อชื่อหนึ่งที่ใครได้ยินก็ต้องขวัญหนีดีฝ่อ “องครักษ์จินหลิน*”
องครักษ์จินหลินผู้มีหน้าตาดาษดื่นคนนั้นลัดเลี้ยวไปมาตามถนนในเมืองเข้าสู่เรือนหลังหนึ่งด้วยความคุ้นเคยที่ทางอย่างยิ่ง
ใต้ต้นไห่ถัง** กลางลานเรือน บุรุษชุดสีดำผู้หนึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะหินตามลำพัง เขากำลังรินสุราดื่มเอง มีบุรุษหลายคนยืนเงียบๆ อยู่ไม่ไกล
ทันทีที่องครักษ์จินหลินผู้นั้นก้าวเข้ามา บุรุษหลายคนนั่นก็หันไปมองด้วยสีหน้าระวังระไวทันที ครั้นเห็นว่าเป็นเขาถึงผ่อนคลายลง
คนผู้นั้นเดินมาถึงตรงหน้าบุรุษชุดสีดำในเวลาอันสั้น เขาแสดงคารวะก่อนเรียกขาน “ใต้เท้า”
บุรุษชุดสีดำวางจอกสุราลง มองเขาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยถาม “ทางสวนซิ่งจื่อมีความผิดปกติใดหรือไม่”
“เรียนใต้เท้า วันนี้มีบุรุษสามคนกับสตรีหนึ่งคนไปที่สวนซิ่งจื่อ สตรีนางนั้นปลอมตัวเป็นบุรุษ จากนั้นคนทั้งสี่ก็ไปหาผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านไป๋อวิ๋นขอรับ” เขาพูดถึงตรงนี้แล้วหยุดเว้นจังหวะค่อยกล่าวต่อไป “พวกเขามาจากเมืองหลวง ตอนนี้เข้าเมืองมาแล้วขอรับ”
บุรุษชุดสีดำผงกศีรษะแล้วหันหน้ากวาดตามองทุกคนปราดหนึ่ง
บุรุษหลายคนนั่นทำสีหน้าขึงขังฉับพลัน
“พวกเจ้าทั้งหมดไปสืบดูว่าคนเหล่านั้นมีความเป็นมาอย่างไร”
“ขอรับ”