วันถัดมาคำถามนี้ก็มีคำตอบแล้ว
วันนั้นซูหงเหมิงตื่นแต่เช้าโกนหนวดเคราสางผม เตรียมตัวไปปฏิบัติหน้าที่ที่กองการค้าหลวงเป็นครั้งแรก
ติงเพ่ยยังให้สาวใช้ไปที่หอสุราสู่เซียงซื้ออาหารซื่อชวนกลับมาจัดวางไว้เต็มโต๊ะเป็นพิเศษ ตั้งใจจะฉลองแสดงความยินดีที่สามีได้เป็นขุนนางครั้งแรกอย่างเต็มที่
แต่ก่อนนายท่านใหญ่สกุลซูจะกลับถึงจวน ติงเพ่ยสั่งให้ไปเชิญคุณหนูใหญ่มาพบ อ้างเหตุผลว่าอยากวัดตัวตัดอาภรณ์ให้นางสองสามชุด แต่แท้จริงแล้วติงเพ่ยเตรียมจะบอกเรื่องที่อีกไม่กี่วันจะส่งนางกลับบ้านเดิม
ถึงแม้ซูหงเหมิงมีความคิดนี้ ทว่าจะเอ่ยปากกับบุตรสาวคนโตเองก็ไม่ค่อยดี จึงโยนเผือกร้อนลวกปากนี้ให้ติงเพ่ยที่มีชั้นเชิงแพรวพราวในการจัดการเรื่องต่างๆ
ติงเพ่ยยิ้มพริ้มพรายขณะให้สาวใช้วัดตัวซูลั่วอวิ๋น นางกล่าวอย่างอัศจรรย์ใจว่า “สองปีมานี้ดูเหมือนเจ้าจะตัวสูงขึ้นอีก ดูเหมือนว่าสภาพแวดล้อมที่บ้านเดิมดีต่อร่างกายเจ้า”
ซูลั่วอวิ๋นยิ้มน้อยๆ “ตอนไปถึงบ้านเดิมแรกๆ ไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมจนป่วยหนักครั้งหนึ่ง ซูบผอมจนหนังหุ้มกระดูก คิดไม่ถึงว่ากลับไม่ทำให้ร่างกายหยุดสูง ทำให้ฮูหยินใหญ่ต้องสิ้นเปลืองเงินทองตัดเย็บอาภรณ์ชุดใหม่ให้ข้าอีก”
ติงเพ่ยยังคงยิ้ม “อยู่นานไปก็จะค่อยๆ เคยชินไปเอง ความจริงที่ไหนๆ ก็เหมือนกัน เรือนหลังเก่านั้นเหมาะให้คนป่วยพักรักษาตัวมากกว่า ท่านพ่อของเจ้ายังบอกว่าในอนาคตตอนเขาเกษียณหวนคืนสู่บ้านเดิมก็จะกลับไปที่อิ้นโจวเช่นกัน เพียงแต่ไม่มีคนที่รู้จักดูแลรักษาสภาพเรือนหลังเก่าไว้ให้ดี จะมอบหน้าที่ให้พวกบ่าวไพร่ก็กลัวพวกนั้นเกียจคร้านละเลยไม่ใส่ใจ ไม่เหมือนตอนที่เจ้าอยู่ จัดการดูแลเรือนได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย”
แม้ว่าดวงตาของซูลั่วอวิ๋นจะไม่เห็นอะไร แต่นางยังมองไปทางติงเพ่ยอย่างเย็นชา “ดูเหมือนฮูหยินใหญ่มีเรื่องอยากพูด เอ่ยมาตามตรงเถิดเจ้าค่ะ”
ติงเพ่ยกล่าวต่อไปอย่างยิ้มแย้ม “เจ้ากลับมาเมืองหลวงครานี้เพื่อพบหน้าท่านน้า ตอนนี้ได้พบกันแล้ว ไม่ต้องเฝ้าห่วงใยกันและกันอีก อีกสักพักน้องสาวของเจ้าจะออกเรือน ในจวนมีงานยุ่งวุ่นวาย กลัวจะดูแลเจ้าไม่ทั่วถึง ข้ากับท่านพ่อเจ้าหารือกันแล้วก็เห็นว่าส่งเจ้ากลับไปอยู่ชนบทดีกว่า เจ้าจะได้อยู่อย่างสงบสุขไม่ต้องถูกเสียงดังเอะอะในจวนรบกวน”
พอได้ยินถ้อยคำนี้ เถียนมามาที่อยู่ด้วยก็กำมือแน่นด้วยความโมโห แต่ฝืนทนไว้ไม่ส่งเสียงพูด
ซูไฉ่เจียนด้านข้างได้ยินแล้วกลับมีสีหน้ายินดีปรีดา แต่พยายามสำรวมกิริยาไม่แสดงออกนอกหน้าจนเกินไป ครั้นนึกขึ้นได้ว่าพี่สาวมองไม่เห็นก็เผยรอยยิ้มกว้างอีกครั้งอย่างอดไม่อยู่ เพียงรู้สึกว่าชีวิตแต่งงานในอนาคตของตนจะราบรื่นไร้อุปสรรคใดๆ แล้ว
ทางด้านซูลั่วอวิ๋นกลับสงบนิ่งเป็นปกติ “นี่ฮูหยินใหญ่ถามไถ่ความเห็นของข้าหรือว่าตัดสินใจแล้วบอกกล่าวให้รับรู้เจ้าคะ”
ขณะนี้ไม่มีคนนอก ติงเพ่ยไม่ต้องกริ่งเกรงอะไร นางวางท่าเป็นประมุขหญิงของจวน กล่าวอย่างหวังดีจากใจจริง
“อันที่จริงเรื่องของบุตรล้วนต้องให้บิดามารดาตัดสินใจ ไม่เคยได้ยินว่าเรือนไหนจะทำอะไรต้องเชื่อฟังคำสั่งบุตร เจ้าจงจำไว้ว่าข้ากับท่านพ่อของเจ้าล้วนปรารถนาดีต่อเจ้าเท่านั้นเป็นพอ…งานมงคลของน้องสาวเจ้าก็ใกล้เข้ามาแล้ว ในจวนขาดบ่าวไพร่ที่มีประสบการณ์เชื่อใจได้ ข้าคิดว่าครั้งนี้จะให้เซียงเฉ่ากับเถียนมามารั้งอยู่ที่นี่แล้วหาสาวใช้คล่องแคล่วหัวไวให้เจ้าเพิ่มอีกสองคน เถียนมามาแก่ชราแล้ว กำลังวังชาคงสู้ไม่ไหว”
นางกล่าวจบ เถียนมามาก็ถลึงตากล่าวเสียงกระด้างทันใด “ฮูหยิน สัญญาขายตัวเป็นทาสของบ่าวไม่ได้อยู่กับสกุลซู ท่านทำเช่นนี้เกรงว่าจะไม่ค่อยดีกระมัง”
ติงเพ่ยหุบยิ้มแล้วพูดช้าๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นหญิงรับใช้ที่ติดตามพี่หูซื่อออกเรือนมาถึงได้ให้ความเคารพเจ้ามาโดยตลอด แต่ตอนนี้ลั่วอวิ๋นตาบอด ต้องการคนเรี่ยวแรงดีอยู่ข้างกาย ข้าถึงวางใจได้ เจ้าก็อายุปูนนี้แล้ว เดิมทีควรได้อยู่สบายๆ ในชีวิตบั้นปลาย ถ้าเห็นว่าข้าไม่คู่ควรขอตัวเจ้าไว้ที่นี่ก็ไม่จำเป็นต้องคอยตั้งแง่กับข้าทุกวัน ไปเบิกเงินเอาเองแล้วกลับสกุลหูไปเถิด”
ยายเฒ่าหนังเหนียวนึกว่าสัญญาขายตัวเป็นทาสไม่อยู่กับสกุลซูแล้ว ข้าก็ไม่มีปัญญาจะทำอะไรนางได้รึ ซูลั่วอวิ๋นเป็นลูกเลี้ยงของข้า กระทั่งจะให้ใครรับใช้ข้างกาย ซูลั่วอวิ๋นยังตัดสินใจเองไม่ได้ด้วยซ้ำ!
ก่อนหน้านี้ติดขัดที่คำสั่งเสียของหูซื่อ จะขับไล่เถียนมามาไปก็ไม่เหมาะ ทว่าซูลั่วอวิ๋นอายุสิบแปดปี ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ต้องฝากฝังไว้กับบ่าวเก่าแก่อีก นางส่งตัวยายเฒ่ากลับไปอย่าง ‘สุภาพ’ ก็ไม่มีใครกล้าครหา
เถียนมามาได้ฟังคำนี้แล้วก็เดือดดาลจนสุดระงับ นางไม่วางใจอะไรกัน นี่คงฉวยโอกาสที่คุณหนูใหญ่ตาบอดกำจัดคนสนิทรู้ใจออกไป จากนั้นทุกอย่างก็จะตกอยู่ในกำมือนางแล้ว
ซูลั่วอวิ๋นกลับพูดด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “นี่…เป็นความประสงค์ของท่านพ่อด้วยหรือเจ้าคะ”
ติงเพ่ยยกถ้วยชาขึ้นดื่มคำหนึ่งอย่างช้าๆ แล้วกล่าวตอบ “เรื่องของเรือนหลังไฉนเลยต้องให้พวกบุรุษวุ่นวายใจ เวลานี้ท่านพ่อของเจ้าต้องช่วยใต้เท้าของกองการค้าหลวงเลือกซื้อเครื่องหอม งานยุ่งไม่น้อย หากเจ้ารู้ความก็อย่าไปรบกวนท่านพ่อของเจ้า”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 9 ต.ค. 67