ชุยซื่อกับตู้ฮุ่ยไม่ได้เดินจากไปไกล เพียงกระซิบกระซาบกันอยู่ข้างต้นทับทิมที่ขึ้นอยู่ข้างเรือน
“นี่มันอะไรกัน” ชุยซื่อมีสีหน้าเป็นกังวล “นางเป็นคนเรียกข้าเข้าวังมาเอง แต่พอข้าเข้าวังมาแล้ว นางกลับหายตัวไปเสียอย่างนั้น นางหาใช่คนไม่รู้หนักเบาเช่นนี้แน่ ต่อให้มีธุระต้องไปที่ใดกะทันหันก็ต้องบอกพวกเจ้าไว้ก่อน การหายตัวไปโดยไม่บอกไม่กล่าวเช่นนี้…ต่อให้เป็นตอนเด็กๆ นางก็ไม่เคยทำมาก่อน นางหายไปที่ใดกันแน่นะ” พูดพลางดวงตาก็ฉายความว้าวุ่น “คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับนางกระมัง แล้วนี่จะทำเช่นไรดี ต้องทูลต่อโอรสสวรรค์หรือไม่”
ตู้ฮุ่ยกระวนกระวายมากเช่นกัน พ้นปีใหม่ไปโอรสสวรรค์ก็อายุสิบสี่ปีแล้ว ควรแต่งตั้งพระชายาได้เสียที และที่จิ้นหลิงจ่างกงจู่กลับวังมาก็เพื่อคัดเลือกพระชายาให้โอรสวรรค์
นางไม่เพียงเชิญชุยซื่อมาปรึกษาเท่านั้น ยังเชิญฟั่นซื่อซึ่งเป็นฮูหยินของแม่ทัพใหญ่หลูยวนผู้มีส่วนช่วยปกครองบ้านเมืองและหลิ่วซื่อชายาอู่หลิงอ๋องเข้าวังด้วย
ชุยซื่อยังพอเจรจาง่าย อย่างไรก็เป็นน้าสะใภ้ของจิ้นหลิงจ่างกงจู่กับโอรสสวรรค์อยู่แล้ว ก่อนที่เหวินเซวียนฮองเฮาจะจากโลกนี้ไปก็ได้ฝากฝังจิ้นหลิงจ่างกงจู่ในวัยแปดขวบกับโอรสสวรรค์ในวัยหกขวบไว้กับชุยซื่อ ชุยซื่อเห็นจิ้นหลิงจ่างกงจู่กับโอรสสวรรค์เป็นเหมือนลูกแท้ๆ ทั้งสองเองก็สนิทสนมกับชุยซื่อมาก พวกเขาสามารถพูดหรือทำอะไรต่อหน้าชุยซื่อได้โดยไม่ต้องเป็นกังวล ไม่ต้องพูดถึงการเรียกผู้อื่นมาแล้วไม่ไยดีเลย ต่อให้นางโมโหระเบิดโทสะใส่ชุยซื่อ อย่างมากชุยซื่อก็แค่สั่งสอนทั้งสองอย่างลับๆ เท่านั้น ไม่ได้ติดใจถือโทษโกรธเคืองทั้งสองอย่างแท้จริง
ทว่าฟั่นซื่อกับหลิ่วซื่อกลับไม่เหมือนกัน หลังเหวินเซวียนฮองเฮาป่วยตาย อู่จงฮ่องเต้ก็รักใคร่โปรดปรานซูเฟยหลิวซื่อ เคยคิดจะเปลี่ยนตัวรัชทายาทเป็นองค์ชายรองที่ถือกำเนิดจากหลิวซื่อเสียด้วยซ้ำ แต่แม่ทัพใหญ่หลูยวนคัดค้านอย่างหนัก ประกอบกับจิ้นหลิงจ่างกงจู่คอยปรนนิบัติอย่างน่ารักว่าง่าย อู่จงฮ่องเต้จึงล้มเลิกความคิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นจิ้นหลิงจ่างกงจู่หรือโอรสสวรรค์ก็ล้วนสำนึกในบุญคุณของหลูยวนอย่างมาก แต่เมื่ออู่จงฮ่องเต้สวรรคต หลูยวนในฐานะขุนนางใหญ่ซึ่งเป็นผู้ช่วยปกครองบ้านเมืองได้รับความไว้วางใจจากจิ้นหลิงจ่างกงจู่และโอรสสวรรค์แล้ว เขาก็กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวมากขึ้น ไม่เพียงไม่ยอมรับความเห็นต่างในราชสำนัก ยังบีบให้โอรสสวรรค์แต่งตั้งเขาเป็นเจ้าเมืองอู๋ ควบตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพส่วนกลางและส่วนนอกทั้งหมด เป็นลู่ซั่งซูซื่อ และกุมอำนาจในราชสำนัก
จิ้นหลิงจ่างกงจู่เห็นสถานการณ์ไม่ดี สองปีก่อนจึงอ้างเรื่องการแต่งงานของตนเอง เรียกตัวอู่หลิงอ๋องซย่าโหวจื้อน้องชายร่วมอุทรของอู่จงฮ่องเต้ที่ออกจากเมืองหลวงไปอยู่ที่ดินบรรดาศักดิ์กลับราชสำนัก คิดจะใช้เขาควบคุมอำนาจของหลูยวน เพียงแต่อู่หลิงอ๋องอิสระจนเคยตัว ทั้งยังมีอารมณ์ฉุนเฉียว แม้จิ้นหลิงจ่างกงจู่กับโอรสสวรรค์จะแต่งตั้งเขาเป็นต้าซือถู แล้ว เขาก็ยังไม่อาจถ่วงดุลอำนาจกับหลูยวนได้
โอรสสวรรค์แต่งภรรยาถือเป็นเรื่องใหญ่ หลูยวนต้องก้าวก่ายเรื่องนี้แน่ แทนที่จะให้หลูยวนเอาการแต่งงานของโอรสสวรรค์มาเป็นการค้าแลกเปลี่ยน มิสู้เจรจาเงื่อนไขกับหลูยวน แต่งภรรยาที่สามารถช่วยเหลือโอรสสวรรค์ได้
นี่เป็นเหตุผลที่ซย่าโหวอวี๋เชิญฮูหยินทั้งสามเข้าวังกะทันหัน ทว่าบัดนี้ฟั่นซื่อกับหลิ่วซื่อกำลังจะเข้าวังแล้ว จิ้นหลิงจ่างกงจู่กลับหายตัวไปที่ใดก็ไม่รู้!
ประเดี๋ยวจะทำอย่างไรดี จิ้นหลิงจ่างกงจู่อยู่ที่ใดกันแน่ ตู้ฮุ่ยกุมหน้าผาก