ฉืออิ๋งแสร้งทำเป็นอารมณ์ผ่อนคลาย ค่อยๆ เดินไปทางไป๋สิงเจี่ยน ไป๋สิงเจี่ยนเหมือนว่ายืนจนเหนื่อยแล้วจึงหมุนตัวกลับเข้าบ้าน ทิ้งเงาด้านหลังที่เยือกเย็นเงียบเชียบไว้ให้นาง ฉืออิ๋งรีบตามเข้าไปในบ้าน เดินตามไปจนถึงหน้าโต๊ะเขียนหนังสือของเขา
“ประตูเขตฟางปิดลง คืนนี้องค์หญิงเสด็จกลับวังไม่ได้ ข้าให้ตันชิงเตรียมห้องให้แล้ว องค์หญิงทรงทนอยู่สักคืนหนึ่งเถิด” ไป๋สิงเจี่ยนนั่งหลังโต๊ะ หยิบพู่กันป้ายหมึก ไม่แม้แต่จะมองฉืออิ๋ง เพียงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ฉืออิ๋งไม่ได้กังวลเรื่องปัญหาการพักค้างคืนสักนิด ข้อศอกสองข้างของนางวางลงบนโต๊ะ เผยท่าทางเกียจคร้านขณะถามไป๋สิงเจี่ยนขึ้นว่า “อาจารย์ ในบันทึกของท่านได้เขียนเรื่องโต้วเปาเอ๋อร์แอบซ่อนองค์หญิงแคว้นเหยาอย่างลับๆ หรือไม่”
“องค์หญิงยังทรงคิดสอบถามเรื่องบันทึกอีกหรือ” ไป๋สิงเจี่ยนยังคงไม่เงยหน้ามอง ทั้งคำพูดที่ย้อนถามกลับมาก็แฝงไว้ซึ่งการข่มขู่และกดดัน
“ไม่นะ! อาจารย์อย่าได้คิดมากไป!” ฉืออิ๋งรีบร้อนปฏิเสธ นางจ้องมองพู่กันในมือของไป๋สิงเจี่ยนแล้วเอ่ยเยินยอ “พู่กันของอาจารย์ด้ามนี้ไม่ใช่ของธรรมดาแน่ ด้ามพู่กันถูจนมันเงา ขนก็ยังไม่หลุดร่วง เห็นได้ชัดว่าสายตาของอาจารย์เหนือธรรมดา!”
ไป๋สิงเจี่ยนทนฟังคำเยินยอที่ปากกับใจไม่ตรงกันนี้แล้วจึงเอ่ยตัดบทด้วยการเข้าเรื่อง “องค์หญิงใช่มีพระประสงค์จะให้กระหม่อมช่วยพูดให้องค์ชาย?”
ฉืออิ๋งยื่นหน้ามาถาม “อาจารย์ยอมตกลงใช่หรือไม่”
“เหตุใดกระหม่อมต้องตกลง” ไป๋สิงเจี่ยนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
“เพราะว่า…” ฉืออิ๋งเค้นความคิดโต้ตอบ “เพราะว่าข้าจับไก่มาเพิ่มเป็นอาหารให้อาจารย์ ท่านกินน่องไก่ของข้าไปหนึ่งน่อง!”
“องค์หญิงเสวยอิงเถาในบ้านกระหม่อมไปครึ่งต้น แป้งม้วนไส้อิงเถาอีกเกินครึ่งกระจาด” ไป๋สิงเจี่ยนเอ่ยโต้กลับมา “เพราะองค์หญิงทรงจับไก่มา จึงได้ชักนำหน่วยลาดตระเวนให้มาเหยียบย่ำในบ้าน”
ฉืออิ๋งถูกโต้กลับมาจนพ่ายแพ้ นางอับอายจนเคืองโกรธ แย่งเอาพู่กันในมือของเขามาลากเส้นยาวบนโต๊ะ แล้วโยนมันทิ้งลงบนพื้น น้ำหมึกกระเซ็นไปถูกชายชุดของไป๋สิงเจี่ยน นางรู้สึกหวั่นใจ แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นางรู้สึกโกรธมากกว่า
ถูกกระทบอารมณ์มาทั้งวันทั้งคืน ตั้งแต่คนขายน้ำหวานกล้าหลอกลวงนาง หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนกล้ามาลูบจับใบหน้าของนาง ตอนนี้ไป๋สิงเจี่ยนไม่เพียงไม่ตอบตกลงที่นางเอ่ยวิงวอนร้องขอ เขายังกล้ากล่าวโทษนางอีก แล้วแสดงออกว่าไม่พอใจนาง หากไม่ใช่ไป๋สิงเจี่ยนรู้เรื่องแล้วไม่รายงาน จงใจให้โต้วเปาเอ๋อร์ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวพัน แล้วเขียนบันทึกถึงเรื่องเขา ไหนเลยจะมีเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นได้!
ฉืออิ๋งรู้สึกว่าตอนนี้ตนเองใกล้จะมีน้ำตาออกมา ทว่านางฝืนมันกลับไป ต่อหน้าไป๋สิงเจี่ยนที่ไร้น้ำใจและเย็นชานี้ การร้องไห้ออกมาก็คือการยอมแพ้ นางกลับหลังวิ่งออกนอกห้อง วิ่งออกไปร้องไห้โฮๆ ที่ลานบ้านแทน ทำให้ตันชิงและเมิ่งกวงหย่วนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
ไป๋สิงเจี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขามองไปยังรอยพู่กันที่ลากยาวบนโต๊ะ แล้วมองรอยหมึกบนชุดของตน…เขารู้ว่าตนเองคงไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขแน่
ตันชิงรื้อหีบค้นตู้ ก่อนจะหาหุ่นหนังที่ใช้เชิดแสดงออกมาได้ ของเล่นนี้ทำให้ฉืออิ๋งหยุดร้องไห้ลงได้ เมิ่งกวงหย่วนเล่นหุ่นหนังเป็นเพื่อนเพื่อเบี่ยงเบนความเศร้าโศกของนาง ตันชิงยุ่งกับการเก็บห้อง เขายกห้องของตนเองให้ฉืออิ๋ง ส่วนเขากับเมิ่งกวงหย่วนยอมพักแบบง่ายๆ ที่อีกห้องแทน
เพราะข้อจำกัดหลายอย่าง ฉืออิ๋งจึงได้แค่ล้างหน้า แล้วกอดหุ่นหนังนอนหลับไปบนเตียงที่ไม่ใช่ของตนอย่างไม่สบายตัว
นอนถึงกลางดึก ฉืออิ๋งก็ถูกยุงกัด เกาไปเกามา จังหวะที่นางพลิกตัวครั้งหนึ่ง ร่างก็หล่นตุบลงบนพื้น นางงัวเงียตื่นขึ้นมา ค่อยนึกได้ว่าที่นอนอยู่นี่ไม่ใช่เตียงของตนเองในวัง