แม้ฉืออิ๋งจะนอนหลับลึกจนดูมิต่างจากท่อนไม้ ไป๋สิงเจี่ยนก็ยังถือยาของตนออกไปที่โถงด้านนอก ตรงลานบ้านมีเสียงร้องของแมลงดังในยามค่ำคืน เขาจุดตะเกียงขึ้น พลางปลดเสื้อลงเพื่อทายา
ไม่นานไป๋สิงเจี่ยนก็กลับเข้าไปในห้อง เขาเห็นหน้าต่างเปิดอยู่ มีลมพัดเข้ามาเอื่อยๆ ฉืออิ๋งปรารถนาอากาศเย็นสบาย ร่างของนางจึงพลิกตัวมาทางที่ลมเข้าตามสัญชาตญาณ ไป๋สิงเจี่ยนมาช่วยยืนกั้นบริเวณข้างเตียงได้ทันเวลา นางถึงได้ไม่ตกลงมาที่พื้น
กระนั้นไป๋สิงเจี่ยนก็ไม่อาจคอยยืนกั้นให้นางได้ตลอด เขาจึงลากเก้าอี้มาวางที่ข้างเตียง ให้เป็นราวกั้นชั่วคราว ถึงอย่างนั้นเก้าอี้ตัวนี้ก็ไม่อาจทนแรงกระแทกที่มาเป็นช่วงๆ ของฉืออิ๋งได้ไหวแน่ เขาจึงมองไปรอบห้อง ก่อนหยิบพัดพับบนโต๊ะมาหนึ่งเล่ม อ้อมไปอีกด้านของเตียงแล้วคลี่พัดออกพลางโบกพัดช้าๆ เพียงครู่เดียว ‘สิ่งที่กอง’ อยู่ขอบเตียงก็กลิ้งไปอยู่ตรงกลาง
พอไป๋สิงเจี่ยนเก็บพัด ฉืออิ๋งก็กลิ้งกลับมาที่ขอบเตียงอีก เขาจึงคลี่พัดออกอีกครั้ง โดยยกมือขึ้นสูงโบกพัด ฉืออิ๋งก็กลิ้งกลับไปตรงกลาง เขาไม่อาจหยุดพัดได้เลย พอหยุดพัดนางก็จะกลิ้งมาที่ข้างเตียง นอนก็ไม่สบายตัวเพราะเกือบตกเตียง ไป๋สิงเจี่ยนจึงยืนพัดจนเมื่อยมือ ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจปิดหน้าต่างลงเสีย
ฉืออิ๋งหลับตานอนตะแคงอยู่บนเตียงแข็งๆ เมื่อไม่มีลมเย็นพัดมา ไม่นานนางก็นอนเหงื่อชุ่มศีรษะ พัดพับพลันถูกคลี่ออกอีกครั้ง แขนเสื้อไหวไปตามพัด ฉืออิ๋งขยับย้ายร่างตามลมมาช้าๆ กระทั่งตามมาจนถึงแขนเสื้อไป๋สิงเจี่ยน ซึ่งเป็นจุดที่โดนลมได้โดยตรงและเย็นสบายที่สุด
ไป๋สิงเจี่ยนหยิบหนังสือมานั่งอ่านที่ข้างเตียง เขาพัดโบกอย่างเป็นจังหวะ ไม่ไปใส่ใจนางที่ประเดี๋ยวก็นอนตรงประเดี๋ยวก็นอนขวาง กระทั่งอ่านไปได้ครึ่งเล่ม เขาจึงรู้สึกว่าที่ขามีอะไรมากระทบ เขาเลื่อนหนังสือออกแล้วมองไป ฉืออิ๋งที่กลิ้งมาเรื่อยจนเจอขาของเขาแล้วเอาไปใช้หนุนต่างหมอน
นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจทนได้จริงๆ ไป๋สิงเจี่ยนใช้พัดรับตรงท้ายทอยของนางแล้วขยับขาออก ก่อนจะหยิบหมอนของตนให้นาง เมื่อหมอนนุ่มเปลี่ยนเป็นหมอนแข็ง นางรู้สึกว่ามันไม่เหมือนกัน จึงปรับท่านอนตนเองอีกครั้ง ทว่าทำอย่างไรก็หาที่นอนสบายไม่ได้เสียที นางขยุกขยิกจนไม่เป็นสุข
ไป๋สิงเจี่ยนอ่านหนังสือต่อไม่ได้แล้ว เขาหยิบหมอนมาให้นางหนุนอีกหน ครั้งนี้นางพอจะสงบลงได้บ้างแล้ว
เขาไปที่โต๊ะแล้วหยิบหุ่นหนังขึ้นมาดู หาเครื่องมือมาหลายอย่าง ก่อนจะใช้เข็มกับด้ายซ่อมแซมหุ่นหนังอยู่ภายใต้แสงตะเกียง ฉับพลันที่ด้านหลังก็มีเสียงลอยมา เขาหยุดเข็มพลางหันกลับไปมอง ‘สิ่ง’ ที่อยู่บนเตียงพลิกไปกลิ้งมาพร้อมพึมพำในปาก “เสด็จพ่อ ลูกร้อน…”
ไป๋สิงเจี่ยนไร้คำพูดจะเอ่ย เขามองมาที่นาง ก่อนวางหุ่นหนังลง ผลักหน้าต่างออก แล้วหยิบพัดพับมาถือไว้ เดินมานั่งข้างเตียง
ทันทีที่มีลมพัดมา ฉืออิ๋งก็ไม่พลิกไปกลิ้งมาอีก ดูสงบเสงี่ยมขึ้น เพียงนอนตะแคงหลับตาพริ้มต่อไป นิ้วมือยังเอาเข้าไปดูดในปาก
ไป๋สิงเจี่ยนทนดูไม่ได้จริงๆ เขาใช้ก้านพัดเคาะไปที่มือของนาง หรือว่านิสัยนี้เฟิ่งจวินไม่ได้ทรงแก้ไขเลย
ตอนที่มือเมื่อยมากแล้ว เขาก็ฝืนทนพัดต่อไปไม่ไหว หลังพิงหัวเตียงหลับไป
หน้าต่างมีลมพัดเข้ามา ฉืออิ๋งก็ไม่รู้สึกร้อนอีก ถึงอย่างนั้นนางก็ยังโหยหา ‘หมอนนุ่มๆ’ ฉืออิ๋งค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้หมอนที่นุ่มสบาย สัญชาตญาณทำให้นางขยับศีรษะไปที่ขาของเขา ถึงตอนนี้นางก็หาหมอนที่นุ่มสบายที่สุดพบแล้ว จึงหนุนนอนได้อย่างเต็มอิ่ม
ในความฝันของไป๋สิงเจี่ยน บัวลอยลูกหนึ่งกระโดดออกมาจากชาม กลายเป็นปีศาจบัวลอยตัวมหึมา ที่จับเขากดกับพื้นจนพลิกตัวขึ้นมาไม่ได้…
ในฝันของฉืออิ๋ง ปีศาจหมอนคิดจะหลบหนีออกจากใต้ศีรษะของนาง นางจึงกดมันไว้แน่นไม่ให้หนีไปไหนได้ เพื่อทำสัญลักษณ์เอาไว้ นางจึงกัดปีศาจหมอนไปทีหนึ่งเพื่อประกาศฐานะของตนเหนือมัน