ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 30 – หน้า 6 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 30

ฮวาเว่ยหลิงลืมความสงสัยก่อนหน้าไปอย่างรวดเร็วจริงดังคาด “ข้าไม่เป็นไรเลย พี่ชาย ท่านยังทำอะไรอีก”

เฮ่อหลันฉือแยกประสาทฟังไปสองประโยคจึงพบว่าฮวาเว่ยหลิงช่างแตกต่างกับนิสัยการถามซักไซ้ไล่เลียงของลู่อู๋โยว ฮวาเว่ยหลิงไม่ใส่ใจจริงๆ ก็ไม่แปลกที่ร่วมเดินทางมานานถึงเพียงนี้นางกลับยังไม่รู้ฐานะแท้จริงของมู่หลิง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเจอคนไล่ล่าสังหารทุกวันเช่นนี้ เกรงว่าคงเกิดความสงสัยและอยากจะสลัดหลุดจากอีกฝ่ายไปนานแล้ว

“เก็บกวาดความยุ่งเหยิง…เอาล่ะ อย่าเสแสร้งอีกเลย” ประโยคหลังนั้นเห็นชัดว่าลู่อู๋โยวพูดกับมู่หลิง “มาพูดคุยกันว่าเจ้าวางแผนจะทำอะไรดีกว่า” เขาเลื่อนสายตามามองชายหนุ่ม “เจ้าไม่คิดจะครองบัลลังก์จริงหรือ”

ฮวาเว่ยหลิงพูดอย่างสงสัย “ครองบัลลังก์? เจ้าเป็นองค์ชายหรือ”

“บิดาของเขาเคยเป็นรัชทายาท พูดอย่างเคร่งครัดแล้วเขาก็เป็นพระราชนัดดา ตามกฎระเบียบของต้ายงต้องสืบทอดตำแหน่ง หลังจากองค์ชายทั้งห้าของซุ่นฮ่องเต้แล้วจึงจะถึงตาของเขา แต่ถ้ามีราชโองการของอดีตฮ่องเต้จริง การสืบทอดตำแหน่งนี้สามารถปรึกษากันอีกทีได้” ที่สำคัญอยู่ที่มีคนสนับสนุนหรือไม่

มู่หลิงพันแผลของตนเองพลางพูดโดยไม่ช้อนตาขึ้นมอง “ไม่ได้วางแผนนี้เลย”

เฮ่อหลันฉือยังอยู่ในอาการตื่นตกใจเล็กน้อย

ค่ำคืนอันน่าตกใจผ่านไปอย่างตื่นเต้นมาก นางยังไม่ทันปรับอารมณ์ได้ทั้งหมด ครั้นมองไปที่มู่หลิงก็ยังคงไม่สามารถนึกภาพได้ชัดเจนนักว่าเขาคือทายาทขององค์รัชทายาทไหวจิ่นในตำนานผู้นั้น

ลู่อู๋โยวค้นเจอจดหมายสายรายงานฉบับหนึ่งบนตัวองครักษ์เสื้อแพร เขาชูขึ้นแล้วส่ายไปมา “แล้วนี่มันเรื่องอะไร”

ยามนี้มู่หลิงจึงช้อนตาขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงทอดถอนใจเล็กน้อย “เป็นท่านอาต่ง ก็คือคนที่เจ้าพบเมื่อครู่ เขายังคงติดต่อกับผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าอะไรนั่น บอกว่าท่านพ่อข้า…ก็คือองค์รัชทายาทไหวจิ่นผู้นั้นเมื่อก่อนมีชื่อเสียงโด่งดังมาก อยากอาศัยสิ่งนี้ช่วยข้าฟื้นคืนฐานะ”

เฮ่อหลันฉือคิดในใจว่านี่เป็นเรื่องจริง

ในอดีตองค์รัชทายาทไหวจิ่นมีชื่อเสียงบารมีโด่งดังมาก มีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ เป็นบุคคลที่มีความสามารถจนน่าตกใจ พูดจาฉะฉาน ในราชสำนักน่าจะมีคนเกินครึ่งเป็นพรรคพวกของเขา ไม่เช่นนั้นไม่มีทางที่ผ่านไปนานหลายปีก็ยังคงมีคนรู้สึกเสียดายมากมายเช่นนี้ ผู้มีความสามารถที่เหลือไว้ในสำนักกิจการองค์รัชทายาทเพื่อช่วยเขาปกครองแผ่นดินเหล่านั้นตอนนี้มีจำนวนไม่น้อยที่ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงแล้ว

“แต่ว่า…” สายตาของมู่หลิงมองไปทางฮวาเว่ยหลิงอย่างเศร้าสลด “ข้าเพียงอยากจะท่องยุทธภพไปพร้อมกับจอมยุทธ์หญิงฮวาเท่านั้น”

“หา?” ฮวาเว่ยหลิงเกาศีรษะอีกครั้ง “แต่พวกเราก็ไม่เคยท่องยุทธภพนี่นา มีแต่เร่งเดินทางกับถูกตามฆ่า เจ้าชอบชีวิตเช่นนี้หรือ”

“ก็ใช่ว่าจะไม่…”

ลู่อู๋โยวพูดตัดบทคำพูดของชายหนุ่ม “มิสู้เจ้าพูดตามตรงเลยดีกว่าว่าคิดจะใช้น้องสาวข้าเป็นองครักษ์”

มู่หลิงเอ่ยขึ้นทันใด “ข้าไม่มีความคิดเช่นนี้”

ในตอนนี้เองลู่อู๋โยวค้นเจอจดหมายสายรายงานอีกหนึ่งฉบับ เขามีท่าทีตกใจเล็กน้อย เฮ่อหลันฉือเห็นสีหน้าของเขาผิดปกติจึงขยับเข้าไปดูด้วย

จดหมายฉบับนี้เกี่ยวกับฮวาเว่ยหลิง เป็นคำอธิบายรูปร่างหน้าตาของฮวาเว่ยหลิงกับภาพวาดอีกภาพหนึ่ง

เฮ่อหลันฉือครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ตอนแรกที่ฮวาเว่ยหลิงช่วยมู่หลิงเอาไว้คงยังไม่ถูกใครพบเห็น ยามอยู่เมืองหลวงอาจเป็นเพราะโชคดีหรืออาจเป็นเพราะในช่วงแรกมู่หลิงออกจากบ้านน้อยมาก ต่อมาเขาก็เหมือนเป็นผู้ติดตามของฮวาเว่ยหลิง สถานที่ที่อันตรายที่สุดคือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด สรุปคือช่วงเวลานั้นไม่ได้ดึงดูดความสนใจอะไร

หลังออกจากเมืองหลวงอาจเป็นเพราะผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าขององค์รัชทายาทไหวจิ่นหาตัวมู่หลิงเจอ จึงทำให้ทั้งสองคนถูกไล่ล่าสังหารต่อ ทว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าปิดปากคนพวกนั้นได้ทุกครั้ง เช่นนั้นต้องมีคนเห็นโฉมหน้าของฮวาเว่ยหลิง จึงได้มีจดหมายสายรายงานเช่นนี้

หากไม่จัดการปัญหานี้ ฮวาเว่ยหลิงอาจจะเดือดร้อนไปด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นวันนั้นที่เมืองหลวงมีคนจำนวนไม่น้อยที่เคยเห็นฮวาเว่ยหลิงในฐานะน้องสาวของลู่อู๋โยว และเวลานี้นางยังพักอยู่ที่นี่อีกด้วย ต่อให้ปิดปากองครักษ์เสื้อแพรกลุ่มนี้ในตอนนี้ การจะสืบสาวมาถึงตัวลู่อู๋โยวก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นแล้ว

น้องสาวเขาไปเป็นองครักษ์ให้โจรกบฏในสายตาของซุ่นฮ่องเต้ ทำอย่างไรก็อธิบายได้ไม่ชัดเจน

เฮ่อหลันฉือยื่นมือไปสะกิดลู่อู๋โยว

ลู่อู๋โยวคิดไปในทางเดียวกับนางอย่างเห็นได้ชัด เขากางจดหมายฉบับนั้นออก แววตาค่อยๆ เย็นชาลง “คุณชายมู่ แผนของเจ้าแผนนี้ข้าว่าไม่ค่อยดีนัก”

มู่หลิงก็เห็นแล้วเช่นกัน เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “นี่ไม่ใช่ความคิดของข้า ข้าสูญเสียความทรงจำ”

ทันใดนั้นลู่อู๋โยวก็มีความคิดขึ้นมาแล้ว เขาไม่เสียเวลาพูดเหลวไหลเช่นกัน “สองทางเดิน ทางหนึ่งคือเจ้ายอมให้จับหรือแกล้งตายก็ได้ สรุปคือปล่อยฐานะก่อนหน้าของเจ้าเป็นโมฆะ ถ้าเจ้ายังคิดจะติดต่อเกี่ยวข้องกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเหล่านั้นอีกก็อย่ามาเข้าใกล้น้องสาวของข้า อีกทางหนึ่งคือเจ้าฟื้นคืนฐานะของเจ้าในเร็ววัน เรื่องนี้ไม่ยากเช่นกัน องค์รัชทายาทไหวจิ่นมีผู้ใต้บังคับบัญชาเก่ามากมายอย่างนั้น ต้องมีคนที่ควรค่าเชื่อถือได้ มีหลักฐานมีพยานบุคคล ประกาศฐานะของเจ้าออกไป อย่างไรเสียเจ้าเป็นเพียงพระราชนัดดา บิดาเจ้าก็ไม่เคยเป็นฮ่องเต้จริงๆ คงไม่มีอุปสรรคมากมายอย่างนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อให้ซุ่นฮ่องเต้จะทำอย่างไร ในทางเปิดเผยย่อมมีความหวั่นเกรงอยู่บ้าง”

ฮวาเว่ยหลิงขยับศีรษะเข้ามาใกล้ ยังแสดงความเห็นต่อภาพวาดของตนเองด้วย จากนั้นจึงถามเฮ่อหลันฉือเสียงเบา

เฮ่อหลันฉืออธิบายให้นางฟังเสียงเบาเช่นกัน

มู่หลิงหลุบตาลง ขนตายาวปรกลงมา แววตาดูอึมครึม เขาพูดเสียงแผ่วเบาว่า “ใต้เท้าลู่รังเกียจข้ามากจริงๆ ทางที่หนึ่ง ข้ายังคงมีความเสี่ยงที่จะตายอย่างมาก และจะให้แม่นางฮวาปกป้องข้าไปชั่วชีวิตไม่ได้เช่นกัน สำหรับทางที่สอง สุดท้ายก็ต้องถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นท่านอาเล็กของตนเองจับตัวขังไว้แน่นอนกระมัง”

ลู่อู๋โยวไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงเอ่ยว่า “หรือเจ้าจะลองพิจารณาไปชิงตำแหน่งฮ่องเต้นั่นก็ได้ พูดตามจริงในจำนวนองค์ชายไม่กี่คนของซุ่นฮ่องเต้ไม่มีใครร้ายกาจเป็นพิเศษ”

เขาเคยสัมผัสมาแล้ว จึงสามารถพูดได้

มู่หลิงกลับเอ่ยว่า “แต่ข้าไม่อยากเป็นฮ่องเต้จริงๆ ไม่มีอิสระเลยสักอย่าง”

“ก็ไม่ถึงขั้นนั้น ราชวงศ์ก่อนก็มีฮ่องเต้ที่ไม่เข้าประชุมราชสำนักยี่สิบปี ไม่สนใจเรื่องราวใต้หล้า ยังมีคนที่ชอบแต่งชุดสามัญชนออกไปท่องเที่ยว ถึงขั้นมีคนนำทหารออกรบ ถ้าได้ขึ้นตำแหน่งนั้นจริง ขอเพียงไม่กลัวคำครหาหลังจากตายไป อยากทำอะไรก็สามารถทำตามใจเจ้าได้”

มู่หลิงครุ่นคิดเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เหตุใดฟังไปแล้วเหมือนเจ้ากำลังยุยงข้าเลย”

ลู่อู๋โยวพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าอยากจะซ้อมเจ้ามาก แต่เพราะถูกเจ้าทำให้เดือดร้อน ต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหา และข้าก็ไม่ชอบองค์ชายสองคนนั้นที่กำลังเข้าใกล้ตำแหน่งรัชทายาทด้วย อันที่จริงตอนนี้ฆ่าเจ้าให้ตายก็แก้ปัญหาได้เช่นกัน แต่น้องสาวข้าคงจะไม่เห็นด้วย”

ฮวาเว่ยหลิงคงจะเห็นมู่หลิงเป็นสหายแล้ว และจะว่าไปแล้วมู่หลิงก็ไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายอย่างยิ่งอะไรมาก่อนจริงๆ ในเรื่องการถูกไล่ล่าสังหารนี้เขาถือว่าไร้ความผิด

ฮวาเว่ยหลิงทนไม่ไหวส่งเสียงแทรกขึ้นมา “พี่ชาย ท่านเข้าใจข้าดีเสียจริงนะ!”

“เจ้าพูดให้น้อยลงสักนิดก็ได้”

เฮ่อหลันฉือ “…?”

เหตุใดเจ้าจึงขโมยคำพูดของข้าเล่า

ไม่ถูก สิ่งที่นางควรตื่นตกใจคืออีกเรื่องหนึ่ง ลู่อู๋โยวกำลังยุยงให้คนเป็นฮ่องเต้จริงๆ

มู่หลิงได้ยินประโยคข้างหลังนั้นแล้วก็หัวเราะ จากนั้นก็เอ่ยว่า “แต่ใต้เท้าลู่ก็ไม่ชอบข้าเช่นกัน”

ลู่อู๋โยวพูดอย่างเปิดเผยยิ่ง “อย่างน้อยตอนนี้นอกจากโกหกคนแล้วเจ้าก็ไม่เคยทำเรื่องอะไรที่ทำให้ข้ารังเกียจเป็นพิเศษ และข้าไม่มีทางเลือกอื่น เจ้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกัน…”

ฐานะของมู่หลิงนี้ถูกกำหนดให้มีจุดจบที่ดีได้ยากมาก

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 4-6

    By

    บทที่ 4 แป้งชาด ตอนตี้อีชิวกลับถึงกองเสวียนอู่ก็เป็นยามอิ๋นแล้ว ถึงอย่างไรท้องฟ้าก็กำลังจะสว่าง เขาจึงมิได้นอนอีก ตัดสินใจไปอ่านเอกสารที่ห้อ...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 1-3

    By

    บทที่ 1 แค้นเก่า หวงหร่างกลายเป็นเผือกร้อนหัวหนึ่ง ผู้เก่งกล้าจากสำนักเซียนหลายคนฝ่าฟันอันตรายลักพาตัวนางออกมาด้วยความยากลำบากเหลือแสน เดิมท...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทที่ 1.5-1.6

    By

    บทที่ 1.5 นกกระเรียนบาดเจ็บกับดอกฝูหรง ยามนี้ในห้องลงทัณฑ์เงียบสงัดราวกับไร้คนมีชีวิต ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ยากจะทานทนเมื่อครู่เริ่มสงบลงแล้...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทที่ 1.3-1.4

    By

    บทที่ 1.3 นกกระเรียนบาดเจ็บกับดอกฝูหรง หลังจากหิมะตกในยามค่ำคืน วันถัดมาที่หนานไห่จื่อก็ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ผู้ดูแลเอามือป้องตาพลางเปิ...

  • ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน

    ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทนำ-บทที่ 1.2

    By

    บทนำ บนโลกนี้มีการเดินทางข้ามกาลเวลาที่สมบูรณ์แบบอยู่หรือไม่ น่าจะมีอยู่ หยางหวั่นก็คือคนโชคดีที่ได้เดินทางข้ามกาลเวลาครั้งนี้ หลายคนต่างบอก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 7-8

    By

    บทที่ 7 หูซื่อหลังส่งจางมามาไปแล้วก็มีท่าทางเซื่องซึม แต่ตอนที่หันกลับมาเห็นบุตรสาวก็ฝืนทำเป็นยิ้มร่าเริง กระตุ้นให้ตนเองฮึกเหิมแล้วไปล้างปล...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ตามที่บทละครเขียนไว้แขวนโคมแดงคือการเปิดประตูเรือนทำงานเป็นนางคณิกา แม้หูซื่อจะทำเช่นนี้จริงๆ ยามจวนตัว แต่คำพูดนี้พอออกมาจากปากบุตร...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 1-2

บทที่ 1 อู๋เซี่ยวเซี่ยวไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตนเองที่เป็นผู้จัดการดารามือทองมากประสบการณ์จะถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 5-6

บทที่ 5 ตามที่บทละครเขียนไว้แขวนโคมแดงคือการเปิดประตูเรือนทำงานเป็นนางคณิกา แม้หูซื่อจะทำเช่นนี้จริงๆ ยามจวนตัว แต่คำพูด...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 3-4

บทที่ 3 อู๋เซี่ยวเซี่ยวเปิดกระจกรถเล็กน้อยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ให้กลิ่นค่อยๆ ระบายออกไป จากนั้นสตาร์ตรถ เหยียบคันเร่งขับรถ...

ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน

ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทนำ-บทที่ 1.2

บทนำ บนโลกนี้มีการเดินทางข้ามกาลเวลาที่สมบูรณ์แบบอยู่หรือไม่ น่าจะมีอยู่ หยางหวั่นก็คือคนโชคดีที่ได้เดินทางข้ามกาลเวลาคร...

community.jamsai.com