บทที่หนึ่ง
หลิ่วเจียงฉยงผู้มีชื่อเล่นว่า ‘ฉยงเหนียง’ คือยอดหญิงชนชั้นสูงในสายตาของผู้คนทั้งหลาย
นางมีฐานะเป็นบุตรีภรรยาเอกคือคุณหนูของสกุลหลิ่วซึ่งเป็นตระกูลขุนนางเมืองหลวง ปัจจุบันหลิ่วเมิ่งถังบิดานางเป็นถึงราชบัณฑิตแห่งสำนักฮั่นหลิน* อีกทั้งสกุลหลิ่วก็เป็นขุนนางสำคัญในราชสำนักมาสามรุ่นแล้ว วงศ์ตระกูลจึงมีฐานะยิ่ง ไม่เพียงมีรถม้าอันหรูหราเป็นพาหนะ งานเลี้ยงที่ได้เข้าร่วมก็ล้วนใหญ่โต เนื่องจากนางเรียนรู้โคลงกลอน อักษร และภาพวาดมาแต่เล็ก ทั้งเกิดมาเป็นโฉมสะคราญ ชื่อเสียงของนางจึงลือเลื่องเมืองหลวงทั้งในด้านความงามและความสามารถ ถ้อยคำทั่วหล้าที่ใช้สำหรับเยินยอสตรีผู้เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมและความรู้ล้วนแต่นำมาประโคมพรรณนาตัวนางได้อย่างมิต้องตระหนี่ถี่เหนียว
แน่นอนว่าเว้นก็แต่เรื่องคู่ครองของนางที่ออกจะเหลวไหลอยู่บ้าง…คุณหนูที่ดีงามเพียงนี้ถึงกับกระทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ละทิ้งคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ทั้งราชสำนัก เลือกลดตัวไปแต่งกับซั่งอวิ๋นเทียนบัณฑิตที่มาจากครอบครัวชาวบ้านสามัญอย่างเด็ดเดี่ยว
เดิมทีเรื่องนี้ช่างชวนให้เสียดายและน่าทอดถอนใจนัก แต่ใครเล่าจะรู้ว่าบัณฑิตยากจนผู้เข้าเมืองหลวงมาสอบขุนนางผู้นี้จะผ่านการสอบหน้าพระที่นั่งและได้รับตำแหน่งสำคัญจากจยาคังตี้ ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เนื่องจากในอดีตสกุลหลิ่วเคยถูกหอบม้วนเข้าสู่ความวุ่นวายทางการเมืองจนต้องระหกระเหินพักใหญ่ ทำให้จยาคังตี้รู้สึกทั้งละอายใจทั้งสงสาร ประกอบกับภูมิหลังที่ไร้ผู้สนับสนุนของเขยขวัญสกุลหลิ่วผู้นี้ก็เป็นที่เข้าตาจยาคังตี้ สุดท้ายซั่งอวิ๋นเทียนจึงได้ดำรงตำแหน่งเสนาบดี กลายเป็นขุนนางผู้ลือนามแห่งยุค หลังจากที่ฉยงเหนียงแต่งเข้าสกุลซั่ง สามีผู้สุภาพหล่อเหลาก็ไม่เคยมีอนุนางบำเรอ สามีภรรยาปรองดองกลมเกลียว มีบุตรธิดาหนึ่งคู่สืบสกุล กล่าวได้ว่าทุกสิ่งล้วนเพียงพอแล้ว
อย่างน้อยๆ สตรีชั้นสูงเกินครึ่งในเมืองหลวงต่างก็อิจฉาฉยงเหนียงที่มีสายตาอันเฉียบคมเรื่องการเลือกสามี ทำให้ในเรือนมีแต่ความสงบสบายใจ นอกจากนี้นางยังเก่งด้านการคบค้าผู้คน ชอบทำการกุศล และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นถึงจ้งหวาฟูเหรินขั้นหนึ่งอีกด้วย
ขณะนี้สายลมยามใกล้รุ่งพัดโชย จันทราจวนลาลับ แสงเทียนที่สั่นไหวยังคงฉายผ่านลายฉลุบนหน้าต่าง ก่อนที่ฉยงเหนียงจะผลักเปิดประตูห้องนอนซึ่งปิดสนิทอยู่ด้วยอารมณ์ที่ตื่นเต้นยินดี นางเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับคนอื่นๆ คือดีใจกับครึ่งชีวิตแรกที่ราบรื่นมั่นคงของตน
ทว่าน่าเสียดาย…ทั้งหมดนี้ล้วนพังทลายเป็นเสี่ยงๆ ในทันทีที่นางเห็นสามีของตนอยู่บนเตียงกับหญิงอื่นเต็มสองตา
ใบหน้าอันหล่อเหลาของผู้เป็นสามีคล้ายฉาบด้วยความตกตะลึงระคนกระอักกระอ่วน เขาป้องบังสตรีที่เรียกขานเป็นพี่น้องกับนางพลางหันใบหน้าอันแตกตื่นมามองนางที่กลับจากบ้านเดิมกะทันหัน
อย่างไรเสียเขาก็เป็นเสาหลักของราชสำนักที่ถูกหล่อหลอมออกมาจนสุขุมหนักแน่น ไม่ช้าเขาก็ตั้งสติได้ รีบขยับมือเท้า กระตุกผ้าห่มที่อยู่ใต้ร่างมาบดบังอย่างรวดเร็ว อากาศในห้องช่างน่าสะอิดสะเอียน ผู้เป็นสามีและหญิงอื่นขดตัวเหงื่อชุ่มอยู่ในมุมหนึ่งของเตียง ผ้าห่มแพรที่แต่เดิมใช้รองเตียงก็พลอยชุ่มเหงื่อไปด้วย คราบเปียกชื้นหลายรอยที่ปรากฏบนผ้าห่มแพรพอบอกได้ว่าพวกเขาเคี่ยวกรํากันอย่างดุเดือดเพียงใด