นางสูดหายใจเข้าอย่างกลัดกลุ้ม ตั้งใจจะไปดูบุตรชายหญิงที่กำลังฝึกคัดอักษรอยู่ในห้องหนังสือ ทว่าระหว่างเดินผ่านสวนดอกไม้เล็ก นางกลับได้ยินเสียงหัวเราะอันเบิกบานของเหลียนเกอเอ๋อร์ บุตรชายวัยเก้าขวบดังมาว่า “น้าชุย ที่ท่านพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือ ต่อไปท่านจะมาอยู่ที่จวนของพวกเราตลอดไปใช่หรือไม่”
“หากแม่เจ้าเห็นด้วยก็เป็นเรื่องจริง…เพียงแต่กลัวว่าแม่เจ้าจะไม่ยินยอม…” ชุยผิงเอ๋อร์ตอบเสียงนุ่มนวล
เสียงพูดของชุยผิงเอ๋อร์ยังไม่ทันจะขาดคำ เชี่ยนเจี่ยเอ๋อร์ บุตรสาวของฉยงเหนียงก็ถามด้วยเสียงเล็กๆ “เหตุใดท่านแม่จะไม่ยินยอมเล่า”
“นางอาจกลัวว่าน้าอยู่เป็นเพื่อนพ่อเจ้ากับพวกเจ้านานเกินไป นางจะได้อยู่เป็นเพื่อนพวกเจ้าพ่อลูกน้อยลงกระมัง” ชุยผิงเอ๋อร์จงใจเอ่ยอย่างลังเล
เหลียนเกอเอ๋อร์ฟังจบกลับพูดอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่งานยุ่งจะแย่ นางเพียงชอบดื่มชาแต่งกลอนแล้วก็แจกโจ๊กกินเจกับพวกฮูหยินตระกูลใหญ่ พอถูกคนชมว่าเป็นแบบอย่างของกุลสตรี นางก็ดีใจจนลืมข้ากับน้องสาวแล้ว ยิ่งไม่มีเวลาไปสนใจท่านพ่อหรอก…คราวก่อนตอนที่ท่านพ่อเป็นไข้ นางก็ไม่ได้เป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ เพราะกำลังวุ่นกับการระดมเงินบริจาคช่วยผู้ประสบภัยที่วัดเป็นเพื่อนฮูหยินอัครเสนาบดีอะไรนั่นอยู่มิใช่หรือ หากไม่ใช่น้าชุยคอยใส่ใจดูแล เกรงว่าท่านพ่อคงต้องป่วยหนักแล้ว!”
ถัดจากนั้นชุยผิงเอ๋อร์พูดเสียงเบาว่าอะไรต่อ ฉยงเหนียงล้วนฟังไม่รู้เรื่องอีก
หากบอกว่าการทรยศของสามีได้ฉีกเปลือกนอกอันจอมปลอมที่ทำให้ผู้อื่นนึกอิจฉาชีวิตนางแล้ว เช่นนั้นคำพูดที่ฟังดูไร้เดียงสาของบุตรชายก็ยิ่งบดขยี้ความพยายามทั้งหมดที่หลอกลวงทั้งตัวนางเองกับผู้อื่นจนไม่เหลือดี หยาดน้ำตาพลันรินไหลลงมาทันใด
สตรีชั้นสูงจากตระกูลใหญ่ผู้ลือเลื่องเมืองหลวงอะไรนั่นล้วนเป็นสิ่งไร้ค่าที่เทียบกับสุนัขผายลมยังไม่ได้ด้วยซ้ำ!
นับจากอายุสิบหกปีเป็นต้นมา นางก็ยิ่งให้ความสำคัญกับตนเองในสายตาของผู้อื่น เพียงเฝ้าหวังว่าหากสักวันถูกผู้อื่นล่วงรู้ชาติกำเนิด นางจะได้รับคำพูดประโยคหนึ่งจากผู้คน… ‘ไม่เชื่อหรอก! บุตรีสกุลหลิ่วมีทั้งรูปโฉม ความสามารถ และความประพฤติที่ไม่มีใครเทียบได้ นางจะเป็นลูกพ่อค้าแผงลอยที่ต่ำต้อยไปได้อย่างไร’
ทว่าความพยายามทั้งหมดนี้แลกได้สิ่งใดกลับมาเล่า
บิดามารดาเลี้ยงหมายจะรักษาหน้าตาจึงมอบฐานะบุตรีภรรยาเอกอันจอมปลอมให้นาง ทว่าตระหนี่ที่จะมอบความรักความเมตตาที่แท้จริงของคนเป็นบิดามารดา ส่วนนางก็ตั้งหน้าตั้งตาสวมบทบาทเป็นกุลสตรีที่เฉียบแหลมในสายตาของผู้คนอย่างระแวดระวังระคนร้อนตัว ทว่ากลับสูญเสียหัวใจของสามีกับลูกๆ ไป
แม้กระทั่งบิดามารดาแท้ๆ ก็ถูกคำพูดฉีกหน้าอย่างไร้ไมตรีของนางทำร้ายจิตใจ ซ้ำบัดนี้ยังตกยากจากนางไปแดนไกลเสียแล้ว…
ฉยงเหนียงรู้สึกจุกในลำคอจนยากจะหายใจได้ ฟ้าดินอันกว้างใหญ่นี้คล้ายไม่เหลือตำแหน่งแห่งที่ของนางโดยสิ้นเชิง
หากว่า…เมื่อแรกข้ายอมกลับไปกับสามีภรรยาสกุลชุย ยอมรับตำแหน่งแห่งที่ของตนเองให้ชัดแต่เนิ่นๆ ข้าก็จะไม่ลงเอยในสภาพอันน่าขันเช่นวันนี้ใช่หรือไม่
ฉยงเหนียงไม่อาจจินตนาการต่อได้ เมื่อนางเดินใจลอยไปจนถึงข้างบ่อน้ำในสวนดอกไม้ท้ายจวน นางเพียงรู้สึกได้ว่าด้านหลังมีเรี่ยวแรงขุมหนึ่งพลันผลักนางตกลงไปในบ่อน้ำลึก
ยามที่ปากสำลักน้ำเข้าไปหลายอึกจนทั้งร่างจมดิ่งลงอย่างรวดเร็วนั้น นางแว่วเสียงเด็กรับใช้ของซั่งอวิ๋นเทียนตะโกนก้องว่า “แย่แล้ว! ฮูหยินคิดไม่ตก กระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตายเสียแล้ว!”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 7 ม.ค. 65 เวลา 12.00 น.