ชุยจงที่เพิ่งผ่าฟืนเสร็จเห็นมือเรียวบางทั้งคู่ของฉยงเหนียงยกอ่างไม้ใบใหญ่เทอะทะเดินมาหาเขาอย่างระมัดระวัง เขาก็รีบยื่นมือไปรับมาวางไว้ข้างๆ บนโต๊ะตัวใหญ่ที่ใช้ผึ่งขนม
ฉยงเหนียงดึงผ้าที่พาดอยู่บนบ่าของตนลงมา รอจนชุยจงล้างมือเสร็จก็ยื่นผ้าให้บิดาเช็ดมือ เดิมนางคิดจะเทน้ำทิ้งแล้วตักใหม่อีกอ่างหนึ่งไปให้พี่ชายล้าง แต่พอนึกถึงเมื่อวานที่หลิวซื่อตวาดด่าชุยฉวนเป่าเรื่องใช้น้ำร้อนเพิ่มหนึ่งอ่างว่าล้างผลาญ นางก็เข้าใจแล้วว่าฟืนกับน้ำร้อนสำหรับบ้านคนธรรมดานั้นเป็นสิ่งที่ควรประหยัด
ดังนั้นนางจึงข่มใจรอจนบิดากับพี่ชายล้างมือเสร็จ แล้วเตรียมจะกล้อมแกล้มล้างมือตนด้วยน้ำอ่างนั้น
พอดีหลิวซื่อเห็นเข้าจึงรีบบอกว่า “แม่จะตักน้ำให้เจ้าใหม่” นางพูดพลางเทน้ำทิ้งแล้วตักอีกหนึ่งอ่างมาโปรยกลีบดอกไม้ลงไปเล็กน้อย
มือคู่นั้นของบุตรสาวบอบบางขาวละเอียดเสียจนผู้ได้เห็นรู้สึกรักถนอม สมควรที่จะบำรุงให้ดีๆ ยังดีในบ้านมีสามีกับบุตรชายที่กำยำแข็งแรง งานหนักล้วนให้พวกเขาเหล่าบุรุษรับหน้าที่ได้ บุตรสาวผู้นี้จะต้องพักฟื้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ปรับตัวกับชีวิตในครอบครัวเล็กที่อัตคัดนี้ไปทีละน้อย หาไม่ด้วยร่างกายที่เปราะบางเพียงนั้นเกิดล้มป่วยเช่นหลายวันก่อนอีก นางที่เป็นแม่คงจะปวดใจแย่
เพียงแต่รอจนฉยงเหนียงมานั่งกินอาหาร กลับมีเพียงชุยฉวนเป่ามานั่งกินกับนาง สามีภรรยาสกุลชุยไม่มีเวลาจะสนใจเรื่องกินล้วนออกไปตั้งแผงขายอาหารเช้ากันแล้ว
ที่ชุยฉวนเป่ากินอยู่คือเศษขนมดอกซิ่งซึ่งเหลือจากการตัดแต่งขอบมุม ขนมดอกซิ่งของสกุลชุยมีไส้ด้วย ทว่าตรงขอบมุมที่ตัดทิ้งจะไม่มีไส้
ผิดกับในชามของฉยงเหนียงที่เป็นขนมก้อนใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมด้านเท่าซึ่งหลิวซื่อตั้งใจเก็บไว้ให้ เมื่อนางกัดไปหนึ่งคำพร้อมไส้ที่สอดแทรกอยู่ ไส้น้ำผึ้งซึ่งสืบทอดตำรับจากบรรพบุรุษก็ให้รสหอมหวานในทันที และทิ้งกลิ่นหอมอวลไว้ทั่วปาก
หลังจากกัดไปหนึ่งคำเล็กแล้วมองดูในชามของพี่ชาย ฉยงเหนียงก็หมุนตัวเข้าห้องครัวไปหยิบมีดออกมาตัดขนมของตนเป็นสองชิ้น แล้วแบ่งชิ้นที่ใหญ่กว่าให้พี่ชายไป
ทว่าชุยฉวนเป่าไม่เอา บอกเพียงว่าปกติตนได้กินเสมอ กินมาจนเอียนแล้ว ให้ฉยงเหนียงกินให้หมดชิ้น แต่นางรู้ว่าเขากำลังพูดปด วัตถุดิบสำหรับนึ่งขนมล้วนมีต้นทุน สามีภรรยาสกุลชุยต้องคำนวณอย่างถี่ถ้วนแล้วถึงไม่อาจตัดใจกินกระทั่งเศษตรงขอบมุม!
พี่ชายกับน้องสาวต่างยกขนมให้กันอยู่สักพัก ในที่สุดขนมชิ้นนั้นก็ถูกฉยงเหนียงบังคับยัดใส่ปากของชุยฉวนเป่า เด็กหนุ่มที่แก้มป่องจึงได้แต่ขึงตาใส่ฉยงเหนียงที่ยิ้มหน้าบาน
อย่างไรเสียทั้งสองก็อายุยังน้อย ระหว่างผลักดันยกขนมให้กัน คู่พี่น้องซึ่งเดิมทีมีช่องว่างก็สนิทสนมขึ้นไม่น้อยเลย
หลังกินอาหารเสร็จ ชุยฉวนเป่าก็ให้ฉยงเหนียงพักผ่อน จากนั้นนำชามตะเกียบของทั้งสองคนไปล้างจนสะอาด รอจนหมุนตัวกลับมาเขาก็เห็นฉยงเหนียงยืนอยู่บนม้านั่งไม้ กำลังรื้อหาอะไรสักอย่างในหีบเสื้อผ้า
เดิมตอนที่ฉยงเหนียงออกจากจวนสกุลหลิ่วมาวันนั้น อาภรณ์ที่สวมอยู่บนร่างคือชุดกระโปรงแพรไหม ปิ่นปักผมบนศีรษะแม้จะไม่มาก ทว่าแต่ละชิ้นก็เป็นงานฝีมืออันประณีตจากร้านเลื่องชื่อในเมืองหลวง หลังจากกลับมาอยู่ที่สกุลชุย เครื่องแต่งกายอันหรูหราเหล่านี้ก็กลายเป็นความคะนึงอย่างสุดท้ายที่มีต่อชีวิตในวันวาน ตอนแรกนางจึงสวมใส่ติดกายอยู่ทุกวัน
ทว่าไม่กี่วันนี้นับแต่ฉยงเหนียงฟื้นไข้เกิดใหม่ นางก็ถอดออกทั้งหมดแล้วให้หลิวซื่อเก็บใส่หีบเสื้อผ้า หันมาทำตัวให้เข้ากับคนที่นี่ สวมใส่ชุดกระโปรงที่ชุยผิงเอ๋อร์ไม่ได้นำไป