เรื่องเสิ่นหยวนกับหลี่ซิวหยวนในตอนแรกนั้นก็เป็นเพราะเสิ่นหลันเห็นเสิ่นหยวนใจไม่อยู่กับร่องกับรอยบ่อยครั้ง ประเดี๋ยวดีใจ ประเดี๋ยวกลัดกลุ้ม นางจึงไปพูดดีๆ ปลอบใจอีกฝ่ายพร้อมกับตะล่อมถามไปด้วย ถึงได้รู้เรื่องของหลี่ซิวหยวน
หลังจากนั้นนางก็ยุยงให้เสิ่นหยวนเขียนจดหมายหาหลี่ซิวหยวน และส่งของจำพวกถุงหอมปักลายไปให้เขาด้วย ทั้งนางยังซื้อตัวสาวใช้คนหนึ่งของเสิ่นหยวน โดยให้แอบนำจดหมายฉบับหนึ่งที่เสิ่นหยวนเขียนให้หลี่ซิวหยวนแต่ยังไม่ได้ส่งไปมอบแก่บิดาเงียบๆ
บิดาเดือดดาลมากตามคาด หวิดจะส่งเสิ่นหยวนไปอยู่สำนักชีแล้ว แม้ว่าต่อมาเป็นเพราะฮูหยินขอร้องไว้ อีกฝ่ายจึงไม่ถูกส่งตัวไปสำนักชี เพียงถูกส่งไปบ้านท่านตาที่ฉางโจวแทน แต่อย่างน้อยก็ออกไปไกลหูไกลตานาง
ทว่าตอนนี้เสิ่นหยวนกลับมาอีกแล้ว อีกฝ่ายกลับมาด้วยเหตุผลใดกัน ทำเรื่องน่าอัปยศเช่นนั้นออกมาแท้ๆ ยังมีหน้ากลับมาอีก?
เสิ่นหลันกำเข็มปักผ้าในมือแน่น
เซวียอี๋เหนียงมองเห็นอากัปกิริยานี้ของเสิ่นหลันด้วยสายตาเฉียบไว จึงพูดขึ้นทันที “ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวสกุลเสิ่น ไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่สกุลเฉินไปชั่วชีวิต อีกทั้งเมื่ออายุมากขึ้น อย่างไรก็ยังต้องรับกลับมาหาคู่หมั้นคู่หมายให้”
เสิ่นหลันยิ้มเย็น “ในใจนางมีหลี่ซิวหยวนอยู่ ผู้ใดจะยังต้องการนางอีก มิหนำซ้ำนางยังมีนิสัยเช่นนั้น หมั้นหมายกับใคร มิใช่นำหายนะไปให้คนผู้นั้นหรือ”
“หลันเจี่ย!” เซวียอี๋เหนียงวางสะดึงในมือลง เรียกชื่อนางด้วยน้ำเสียงเข้มงวด
เสิ่นหลันได้สติกลับมา นึกถึงคำพูดที่ตนเองเพิ่งพูดก็ก้มหน้าลงอย่างกระวนกระวายใจอยู่บ้าง
เรื่องของเสิ่นหยวนกับหลี่ซิวหยวนในครานั้น บิดามีคำสั่งห้ามผู้ใดเอ่ยถึงอีก บ่าวไพร่ไม่ว่าคนใดที่รู้เรื่องนี้ก็ล้วนถูกโบยตายจนหมด ไม่ว่าอย่างไรหากเรื่องนี้แพร่ออกไป อย่าว่าแต่เสิ่นหยวนเลย แม้แต่สกุลเสิ่นทั้งหมดล้วนต้องถูกคนดูถูก คุณหนูคนอื่นในสกุลเสิ่นก็จะไม่มีบุรุษที่มีชาติตระกูลดีมาขอแต่งงานเช่นกัน
ความร้ายแรงของเรื่องนี้เสิ่นหลันมิใช่ไม่รู้ แต่เมื่อครู่นางถูกความริษยาทำให้สมองเลอะเลือนไปจริงๆ ถึงได้หลุดปากพูดเรื่องนี้ออกมา เมื่อครู่ถูกเซวียอี๋เหนียงตวาดเรียกด้วยน้ำเสียงเข้มงวดเช่นนี้ นางก็ตระหนักได้ทันที
ทว่าในใจเสิ่นหลันกลับไม่ได้หวาดกลัวนัก เซวียอี๋เหนียงเป็นมารดาบังเกิดเกล้าของนาง หลุดปากพูดต่อหน้าอีกฝ่ายจะเป็นไรไป มีหรือที่เซวียอี๋เหนียงจะนำเรื่องนี้ไปบอกบิดา
เวลานี้เซวียอี๋เหนียงกำลังใช้สายตาบอกให้รุ่ยเซียง หัวหน้าสาวใช้ที่คอยรับใช้อยู่ข้างๆ ออกไปเฝ้าต้นทาง
รุ่ยเซียงเข้าใจความหมายของนาง รีบเดินออกไปอย่างเบามือเบาเท้า เฝ้าอยู่นอกประตู ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าใกล้
ครั้นในห้องเหลือเพียงเซวียอี๋เหนียงและเสิ่นหลัน เซวียอี๋เหนียงก็ถอนหายใจเบาๆ กล่าวกับเสิ่นหลันอย่างอ่อนใจอยู่บ้าง “เรื่องนั้นของเสิ่นหยวน วันหลังเจ้าห้ามวู่วามพูดออกมาตามอำเภอใจอย่างเมื่อครู่นี้อีก หากคนนอกรู้เข้า ฐานะที่เป็นบุตรสาวสกุลเสิ่นเหมือนกัน ชื่อเสียงของเจ้าจะพลอยเสื่อมเสียไปด้วย อีกทั้งอี๋เหนียงก็เคยบอกเจ้าหลายครั้งหลายหนแล้วว่าต้องอดทนอดกลั้นให้ได้ทุกเรื่อง ห้ามให้คนมองออกได้ง่ายๆ ว่าในใจเจ้าคิดอะไร ต่อให้ในใจเจ้าไม่ชอบเสิ่นหยวนมากเพียงไร แต่ว่ากันถึงที่สุดแล้วนางก็เป็นพี่สาวของเจ้า มิหนำซ้ำยังเป็นบุตรสาวคนโตสายตรงด้วย เบื้องหน้าเจ้ายังต้องทำท่าทางเคารพต่อนาง มิเช่นนั้นหากให้บิดาเจ้าได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของเจ้าเข้า ในใจเขาจะมองเจ้าอย่างไร จะยังรู้สึกว่าเจ้าเป็นบุตรสาวผู้อ่อนหวานชวนให้คนสงสารอยู่อีกหรือไม่”