ในแววตาเสิ่นหลันมีประกายลนลานวาบผ่าน ทว่าอยู่ต่อหน้าเซวียอี๋เหนียงนางไม่เคยกล้าโกหก ยังคงตอบตามความจริงเสียงเบา “ไม่กี่วันก่อนพี่ใหญ่ได้นกจาบฝนมาตัวหนึ่ง ชมชอบมันเสียยิ่งกว่าอะไร จึงขอให้ข้าปักผ้าคลุมกรงนกของเขาเจ้าค่ะ”
เซวียอี๋เหนียงฟังแล้วก็โมโหจนใบหน้าเปลี่ยนสี
“เขายังไม่รู้จักปรับปรุงตัวอีก ไม่กี่ปีก่อนอี๋เหนียงอุตส่าห์ขอให้บิดาเจ้าไหว้วานคนพาเขาไปเล่าเรียนที่สำนักการศึกษาหลวง หวังว่าเขาจะได้ลาภยศติดมือออกมา ภายหน้าจะได้เป็นที่พึ่งของพวกเราสองแม่ลูก แต่เขากลับดีนัก เข้าสำนักศึกษาหลวงได้ไม่ถึงปีก็ถูกไล่ออกมา เรื่องเช่นนี้แพร่งพรายออกไปจะเอาหน้าไว้ที่ใด เวลานั้นบิดาเจ้าโมโหยิ่งกว่าอะไร อี๋เหนียงต้องเสียแรงขอร้องอยู่หลายวันกว่าบิดาเจ้าจะหายโมโห แล้วส่งเขาไปเรียนที่สำนักศึกษาตรงตรอกถงฮวา แต่เขาก็ดีเหลือเกิน วันๆ ไม่คิดหาความก้าวหน้า เอาแต่เลี้ยงนก การเลี้ยงนกนี้ทำให้เขาสอบได้จวี่เหริน** สอบได้จิ้นซื่อหรือไร”
เซวียอี๋เหนียงยิ่งพูดยิ่งโมโห สุดท้ายก็ตวัดมือยึดสะดึงในมือเสิ่นหลันมา คว้ากรรไกรเล่มเล็กที่วางอยู่ในตะกร้าใบเล็กด้านข้าง ก่อนกัดฟันแทงลงบนนกฮว่าเหมยที่ใกล้ปักเสร็จแล้วบนสะดึงนั้น
ได้ยินเพียงเสียงผ้าขาดแควกบาดหูดังขึ้น ผ้าขาวที่ขึงตึงอยู่บนสะดึงขาดออกจากกันทันที
เสิ่นหลันส่งเสียงอุทานเบาๆ ยกมือปิดปาก มองเซวียอี๋เหนียงด้วยสายตาหวาดผวา
หน้าอกเซวียอี๋เหนียงยังคงสะท้อนขึ้นลงเร็วแรง ชั่วครู่ให้หลังนางถึงค่อยถอนหายใจยาว โยนกรรไกรเล็กและสะดึงที่ขึงผ้าขาดในมือทิ้ง
บิดาเซวียอี๋เหนียงในตอนนั้นก็ชอบเลี้ยงนก เลี้ยงจนทรัพย์สมบัติของครอบครัวไม่มีเหลือ ทำให้ต่อมาบ้านของพวกนางต้องลำเค็ญเพียงนั้น และตอนนี้บุตรชายของนางก็ชอบเลี้ยงนกเช่นกัน…
ช้อนตาขึ้นเห็นเสิ่นหลันมีสีหน้าหวาดผวา เซวียอี๋เหนียงก็เอ่ยปากปลอบนาง “อี๋เหนียงเพียงแต่ถูกความไม่ได้เรื่องของพี่ใหญ่เจ้าทำให้โมโหเท่านั้น”
เสิ่นหลันพยักหน้า
นางรู้ว่าเซวียอี๋เหนียงมีนิสัยสุขุมหนักแน่นมาแต่ไหนแต่ไร ในใจมีเรื่องอะไรก็ไม่มีทางแสดงออกมาทางสีหน้า มีแต่เรื่องของพี่ใหญ่ที่ทำให้อีกฝ่ายสะกดกลั้นความโมโหไว้ไม่ได้ทุกครั้ง
เสิ่นหลันยื่นมือไปกุมมือเซวียอี๋เหนียงพลางเอ่ยปลอบ “อี๋เหนียง พี่ชายเพียงแค่ติดเล่นมากไปหน่อย รอสักระยะให้เขารู้ความแล้วย่อมจะหักห้ามใจเอง”
เซวียอี๋เหนียงยิ้มขื่น
เขาใกล้จะสิบแปดแล้ว ยังต้องรอถึงเมื่อไรกว่าจะหักห้ามใจ รู้จักหาความก้าวหน้าได้ ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจหรือไม่ว่าเบื้องล่างยังมีน้องชายที่เกิดจากภรรยาเอกอยู่อีกคน ถ้าเขาก้าวหน้าได้ก็ยังดี แต่ถ้าไม่ได้ สมบัติของสกุลเสิ่นนี้ในภายภาคหน้าก็…
เซวียอี๋เหนียงหลับตาลง ทว่าขณะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งสองตานางก็ใสกระจ่าง บนหน้าไม่เห็นโทสะใดๆ อีก นางพลิกมือมากุมมือเสิ่นหลันไว้ มองอีกฝ่ายพลางพูดด้วยท่าทางจริงจัง “พี่ชายเจ้าเป็นพวกไม่รู้จักหาความก้าวหน้า ภายหน้าอี๋เหนียงได้แต่ต้องพึ่งพาเจ้าแล้ว เจ้าจะต้องรู้ความ อย่าห่วงการเล็กจนเสียการใหญ่”
แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ที่สุดแล้วเซวียอี๋เหนียงก็ยังไม่วางใจ จึงพูดต่ออีกว่า “วันพรุ่งนี้เสิ่นหยวนกลับมา ไม่ว่าในใจเจ้าจะไม่ชอบนางเพียงไร ภายนอกก็ต้องทำท่าทางสนิทสนมอบอุ่นกับนางออกมา ห้ามให้ผู้อื่นจับจุดอ่อนของเจ้าได้จนเรื่องลอยไปเข้าหูบิดาเจ้าเด็ดขาด มิเช่นนั้นที่พวกเราทำมาทั้งหมดคงสูญเปล่า”
เสิ่นหลันพยักหน้า “ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ”
เซวียอี๋เหนียงครุ่นคิดอีกเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “กับเสิ่นเซียง เจ้ายังต้องทำตัวเหมือนเมื่อก่อน ไปมาหาสู่กับนางให้มาก คอยยุยงให้ในใจนางไม่ชอบเสิ่นหยวน ทุกเรื่องก็ให้นางออกหน้า ทำให้พวกนางสองพี่น้องร่วมมารดาทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นผลดีต่อพวกเรา ส่วนเสิ่นหง จะอย่างไรเขาก็เป็นบุตรชายสายตรงเพียงคนเดียวของบ้าน ว่างๆ เจ้าก็ไปใกล้ชิดเขาหน่อย ถึงอย่างไรก็ไม่มีผลร้ายต่อเจ้า”
เสิ่นหลันรับคำทุกประโยค เห็นเซวียอี๋เหนียงมีสีหน้าอ่อนเพลีย นางก็ลุกขึ้นยืนกล่าวว่า “อี๋เหนียง ท่านพักผ่อนสักครู่เถอะ ข้าขอตัวกลับก่อน”
เซวียอี๋เหนียงพยักหน้า มองเสิ่นหลันเดินไปทางประตู
เพียงแต่ยามที่เสิ่นหลันเดินไปถึงประตูฉลุลาย นางกลับหันหน้ามามองเซวียอี๋เหนียงพลางทำท่าเหมือนอยากพูดอะไร “อี๋เหนียง เรื่องของหลี่ซิวหยวนนั้น เสิ่นหยวนคงไม่รู้หรอกนะเจ้าคะว่าข้าบงการอยู่เบื้องหลัง”
เวลานั้นนางถูกความริษยาทำให้สมองเลอะเลือน ไม่ได้คิดพิจารณาให้รอบคอบก็จ่ายเงินซื้อตัวสาวใช้นามตงเอ๋อร์ที่ข้างกายเสิ่นหยวน ให้ขโมยจดหมายที่เสิ่นหยวนเพิ่งเขียนถึงหลี่ซิวหยวนแล้วนำไปให้บิดาดู หากเสิ่นหยวนกลับมาคราวนี้แล้วรู้ว่าเรื่องเมื่อตอนนั้นเป็นนางบงการฟ้องบิดาอยู่เบื้องหลังล่ะก็…
เสิ่นหลันขยำผ้าเช็ดหน้าแพรสีเขียวอมเหลืองอ่อนในมือแน่น
เซวียอี๋เหนียงเห็นความกระวนกระวายของเสิ่นหลันอยู่ในแววตา จึงเอ่ยปากปลอบนางว่า “ตอนนั้นที่เจ้ามาบอกอี๋เหนียงเรื่องนี้ อี๋เหนียงก็หาความผิดของสาวใช้นางนั้นมาเป็นเหตุผล ส่งตัวนางไปให้พ่อค้าทาสทันที และได้กำชับเป็นพิเศษด้วยว่าให้ขายนางไปไกลๆ เจ้าวางใจเถอะ เรื่องนั้นจะไม่มีใครรู้ความในอีกแล้ว”
คราวนี้เสิ่นหลันถึงค่อยวางใจ เดินออกประตูมาพาสาวใช้กลับไปเรือนของตน