ทว่าจางวั่งนั้นกลับต้องอเนจอนาถยิ่ง ฉยงเหนียงแม้ดูแขนขาเรียวบาง แต่ทุกกระบวนท่าล้วนใช้หลักการยืมแรงมาออกแรง จงใจหวดใส่บริเวณที่เนื้อนิ่มกระดูกเปราะโดยเฉพาะ ร่างกายที่ถูกสุรานารีบั่นทอนจนกลวงโหวงของจางวั่งมีหรือจะทานทนไหว เขาพลันเจ็บปวดจนต้องร้องโอดโอยไม่หยุดปาก เท้าก็กระโดดโหยงอยู่กับที่พลางหลบหลีกไม้พลองของนาง อันที่จริงเขาก็อยากจะจับตัวนางให้ได้ ทว่าข้อได้เปรียบของไม้พลองที่เป็นอาวุธยาวถูกแสดงออกมาอย่างเต็มที่ มือเขาเพิ่งจะยื่นออกไปก็ถูกฟาดจนต้องร้องครวญครางเรียกหามารดาเลยทีเดียว
การศึกอันถึงอกถึงใจใช้เวลาเพียงชั่วหนึ่งถ้วยชาก็เห็นผลแพ้ชนะแล้ว จางวั่งถูกหวดฟาดจนไร้หนทางจะหลบหนี จึงกระโดดลงไปแช่ร่างอยู่ในแม่น้ำตามมารดาของเขา
ส่วนคนขายเนื้อแซ่จางที่มีแต่เนื้อเผละทั้งร่างก็สู้ศึกยืดเยื้อไม่ไหว จึงหอบแฮกๆ นั่งแปะกับพื้น ก่อนจะขยับกระพุ้งแก้มด่าทอต่อ ร่ำร้องไม่หยุดว่าจะกลับบ้านไปฉวยมีดเลาะกระดูกที่คมกริบมาแทงคนสกุลชุยยกครัว
เมื่อครู่หลิวซื่อปะทะฝีปากกับเฉียนซื่อจนเสียงแหบแห้งแล้ว ส่วนชุยจงกับชุยฉวนเป่าก็ไม่ใช่คนที่ฝีปากคม ชั่วขณะนั้นจึงได้ยินคนขายเนื้อแซ่จางตะเบ็งเสียงดังขึ้นทุกที
ฉยงเหนียงฟังแล้วก็เก็บไม้พลอง เอ่ยเสียงดังไปหาฝูงชน “ในเมื่อวันนี้เพื่อนบ้านทั้งซ้ายขวาล้วนอยู่ที่นี่ ก็มิสู้พูดให้กระจ่างกันเสียเลย ได้ยินว่ามีคนโจษจันกล่าวหาข้าด้วยถ้อยคำที่ไม่น่าฟังสกปรกหู ไม่รู้ว่าคำนินทาเหล่านี้แรกเริ่มแพร่ออกมาจากผู้ใดกันแน่”
แม่นางน้อยที่มุ่นมวยกลมผู้หนึ่งเป็นเพื่อนบ้านของฉยงเหนียง หลายวันนี้หัดงานเย็บปักจากฉยงเหนียงมาไม่น้อย มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลว นางจึงชี้มือไปทางแม่น้ำทันใด “จางวั่งเป็นคนพูดว่าเขาเห็นที่ถนนเองกับตา”
ฉยงเหนียงกวาดตามองฝูงชนรอบทิศ ก่อนถามย้ำเสียงกังวาน “วาจานี้เป็นความจริงหรือ”
คนทั้งหมดเกรงภัยจะมาถึงตัว ต่างก็นิ่งเงียบไม่พูดจา
ฉยงเหนียงถือไม้พลองเดินไปถึงเบื้องหน้าคนขายเนื้อแซ่จางแล้วเอ่ยด้วยแววตาอันเย็นชา “ตามหลักแล้วข้าควรเรียกท่านว่าลุงจาง แต่เรื่องขัดแย้งในวันนี้มิใช่พวกเราสกุลชุยเป็นผู้เริ่ม พี่ชายข้าถูกรถม้าของท่านอ๋องผู้หนึ่งที่พำนักระยะสั้นอยู่นอกตำบลชนจนขาได้รับบาดเจ็บ จึงถูกส่งตัวไปเยียวยาทำแผลยังคฤหาสน์ที่เป็นจวนชั่วคราวของท่านอ๋อง ข้าติดตามไปด้วยในฐานะญาติคนเจ็บมีอันใดไม่ถูกต้องเล่า แต่กลับถูกบุตรชายของลุงจางพูดเสียจนเลวร้ายถึงเพียงนั้น ท่านอ๋องเคยกินขนมของบ้านข้า ดังนั้นระหว่างที่ข้ารอพี่ชายจึงทำขนมให้ท่านอ๋องหนึ่งชุด วุ่นอยู่ในครัวตั้งแต่ไปถึง ได้ยินว่าที่นี่ก็มีคนไปเป็นคนงานระยะสั้นที่คฤหาสน์นอกตำบลหลังนั้น ถูกผิดจริงเท็จเป็นเช่นไร เพียงสอบถามดูก็จะรู้เอง”
คนขายเนื้อแซ่จางถูกแม่นางน้อยจ้องมองจนอึดอัดไปทั้งร่าง ไม่รู้เพราะเหตุใด ทั้งที่อยู่ต่อหน้าแม่นางน้อยซึ่งอ่อนแอดุจกิ่งหลิวต้านลม แต่เขากลับทำอย่างไรก็ทำท่าวางโตไม่ออก ตอนนี้ยิ่งถูกนางตอกหน้าจนเบื้อใบ้ไร้วาจา สุดท้ายจึงได้แต่เอาสีข้างเข้าถู “เป็นสาวเป็นนางบุ่มบ่ามขึ้นรถม้าของคนแปลกหน้า ดูเจ้าจะไม่ใช่หญิงที่อยู่ในกรอบ…โอ๊ย!”
เขายังไม่ทันจะพูดจบคำ ฉยงเหนียงก็หวดปากเขาไปหนึ่งไม้พลอง
“บุตรชายของลุงจางกินดื่มพนันเที่ยว เข้าตรอกมืดดื่มสุราเคล้านารีทุกค่ำคืน นับว่าอยู่ในกรอบตรงที่ใด วันทั้งวันแทะโลมแม่นางน้อยกับสะใภ้สาวของครอบครัวที่สุจริต ทั่วถนนใหญ่มีใครบ้างไม่รู้ว่าบุตรชายบ้านสกุลจางเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ! เป็นเพราะวันก่อนไปถึงสกุลชุยหมายจะเอาเปรียบข้า แต่ถูกพี่ชายข้าก่นด่าไปหนึ่งยกจึงคิดแค้นอยู่ในใจกระมัง จะบอกท่านให้ว่าอย่าดีแต่เอามีดมาพูดขู่ขวัญคน ชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ที่สตรีให้ความสำคัญที่สุดถูกคนสกุลจางทั้งครอบครัวทำลายไปเปล่าๆ ต่อให้เอาชีวิตนี้เข้าแลกข้าก็ต้องทวงความกระจ่างให้ได้ หากบุตรชายท่านยังกล้าพูดจาเหลวไหลไปทั่ว ข้าจะทำให้สกุลจางของท่านสิ้นลูกสิ้นหลาน แล้วค่อยแขวนคอตายหน้าประตูบ้านท่าน”