ว่ากันว่าหวาดกลัวสิ่งใดให้เผชิญหน้ากับสิ่งนั้น เหตุผลนี้กระมังเธอจึงเดินมาหยุดยืนที่จุดคล้องกุญแจ สอดส่ายสายตาหาแม่กุญแจสีชมพูหวานจนพบ ก่อนเดินไปคว้าก้อนอิฐขนาดเหมาะมือซึ่งวางล้อมโคนต้นไม้แล้วฟาดลงไปดังปั้ก
เสียงกระทบกันของวัตถุทำให้เจ้าหน้าที่วัยกลางคนสองคนแห่กันมาส่งภาษาเกาหลีพลางยกมือชี้หน้าอย่างไม่พอใจ เธอทิ้งอิฐลงกับพื้น สีหน้าตื่นตระหนก รีบยกมือไหว้แล้วสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ
“ฉะ…ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ ขอโทษนะคะ”
“$#A$##@&*”
หญิงสาวมึนตึ้บ ไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดอะไรแม้แต่น้อย
“&*#@##%@!”
“ฉันจะไม่ทำแล้วค่ะ ฉันจะไปแล้วค่ะ ขอโทษค่ะ”
แต่เจ้าหน้าที่ทั้งสองดูเหมือนจะไม่เข้าใจที่เธอพูดและทำท่าจะเข้ามารวบแขนผู้ก่อเหตุทำลายข้าวของ เธอจึงพยายามเบี่ยงตัวหนี
“อย่าจับฉันส่งตำรวจนะคะ! ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่จะเอาแม่กุญแจนี่ออกค่ะ”
กังสดาลส่งเสียงเครือ น้ำตารื้นขึ้นมากองตรงขอบตาเมื่อเจ้าหน้าที่หน้าดุทั้งสองไม่มีวี่แววใจอ่อน ถ้าถูกจับในต่างบ้านต่างเมืองเธอจะขอความช่วยเหลือจากใครได้
“$@%*&O$฿L#”
เสียงทุ้มนุ่มที่พูดเป็นภาษาเกาหลีดังขึ้นจากทางด้านหลัง เจ้าหน้าที่ทั้งสองตอบกลับเสียงฉุน การสนทนาดำเนินต่ออย่างราบรื่น ครู่หนึ่งเจ้าหน้าที่สองคนก็ยอมความ แต่ยังไม่วายชี้มือชี้ไม้มาในทำนองที่เดาได้ว่า
‘อย่าทำแบบนี้อีก’
กังสดาลรีบขอโทษขอโพยเป็นภาษาอังกฤษ เจ้าหน้าที่ทั้งสองจึงยอมจากไปแต่โดยดี เธอหันกลับมามองอัศวินขี่ม้าขาวด้วยความตกตะลึง
เขาเป็นผู้ชายเกาหลีที่หน้าตาดีมาก…มากถึงมากที่สุด เธอมั่นใจว่าหากเธอเคยพบเขามาก่อนย่อมไม่มีวันลืมผู้ชายรูปงามหน้าหวานราวกับผู้หญิงคนนี้แน่ แต่เธอไม่เคยเจอเขามาก่อน แล้วเหตุใดประกายบางอย่างในดวงตาคมกริบถึงสื่อว่าเขาเคยพบเธอมาก่อนเล่า
“ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้นะคะ”
เธอส่งภาษาอังกฤษให้เขา แล้วเขาก็ตอบกลับมาด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษชัดเจนราวกับเป็นเจ้าของภาษาเสียเอง
“คุณทุบของพวกนั้นทำไม”
“ฉันแค่…ฉันอยากทุบแม่กุญแจที่เคยมาคล้องกับแฟนทิ้งน่ะค่ะ”
“เพิ่งเลิกกับแฟนเหรอ”
“ค่ะ เขานอกใจฉันทั้งที่เรากำลังจะแต่งงานกันด้วยซ้ำ”
“แทนที่จะเอาหินมาทุบแม่กุญแจ เอาไปทุบหัวหมอนั่นยังสะใจกว่า”
คำตอบของชายแปลกหน้าทำให้เธอรู้สึกระแวง จู่ๆ มาแนะนำให้เธอเอาหินไปทุบหัวแฟนเก่า หาคุกให้เธอชัดๆ ถึงเธอจะเกลียดอัสนีเข้ากระดูกดำแต่ก็ไม่อยากหาเรื่องส่งตัวเองเข้าคุกหรอก ความระแวงที่ชายหนุ่มแปลกหน้าบ่มเพาะขึ้นทำให้หญิงสาวรีบกล่าวขอตัว
“ขอบคุณมากนะคะ ฉันต้องไปแล้วล่ะค่ะ ขอตัวนะคะ”
กังสดาลรีบหุนหันเดินจากมา จังหวะที่กำลังหยุดยืนหน้าประตูทางขึ้นลงกระเช้าเธอดันเหลือบเห็นเจ้าหน้าที่ชายสองคนนั้นและนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เห็นเธอทำเรื่องน่าอายพากันจ้องเธอเป็นทางเดียว ทำเอาพวงแก้มแดงเรื่อด้วยความอับอาย ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน กระเช้าก็ยังมาไม่ถึง ไม่รู้ว่าต้องทนให้พวกเขามองถึงเมื่อไรจึงตัดสินใจเบนเข็มเดินลงบันไดหินแทนแล้วกัน
ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำแล้ว สู้เดินเล่นไปเรื่อยๆ ดีกว่า เดี๋ยวคงมีจุดให้เธอแวะเรียกแท็กซี่กลับโรงแรมเอง
เสียดายที่หญิงสาวมัวแต่ใจลอยจึงไม่รู้เลยว่าระหว่างเดินลงบันไดมาตลอดทางนั้นเองมีใครบางคนกำลังเดินตามเธออยู่ห่างๆ
เธอคือผู้หญิงที่นอนร้องไห้บนเครื่องบิน แต่เธอคงจำเขาไม่ได้เพราะเอาแต่ร้องไห้และเหม่อลอย พอพบหน้ากันเขาจึงปล่อยให้เธอเผชิญชะตากรรมคนเดียวไม่ได้เลยต้องช่วยไกล่เกลี่ยกับเจ้าหน้าที่ทั้งสองและรับปากว่าจะดูแลเธออย่างดี
แล้วเขาจะปล่อยคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวลงบันไดไปตามลำพังได้อย่างไร เกิดเธอนึกตัดช่องน้อยแต่พอตัวกระโดดลงจากยอดเขาขึ้นมา เขาคงรู้สึกผิดไปจนวันตาย
โปรดติดตามตอนต่อไป