ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 84-85
เมื่อออกจากห้องตำราชิวหมิงเยี่ยนเดินผ่านทางเข้าอุทยานหลวง และบังเอิญเห็นฮ่องเต้น้อยเดินเตร็ดเตร่อยู่ในสวน มือถือพัดขนนกไว้ นั่งลงบนเก้าอี้หวาย จากนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าซับไปบน…ใบหน้าของซั่นหมัวมัว! มองไกลๆ เหมือนเรื่องราวเกี่ยวกับโอรสสวรรค์พานพบหญิงงามในอุทยานหลวงโดยบังเอิญ น้ำใจของพระองค์ช่างกว้างขวางยิ่งนัก เมตตากรุณาต่อหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งที่ดูเปราะบางเหมือนดอกไม้ที่พร้อมจะร่วงโรยอย่างเต็มเปี่ยม
ดูซั่นหมัวมัวนั่นปะไร แม่ทัพหญิงผู้สง่างามในอดีตตอนนี้กลับแก้มแดงระเรื่อยอมให้ฮ่องเต้หยอกเอินตามใจชอบเสียด้วย! เดิมทีคิดว่าความชอบของเจ้าหลี่ว์อวี้ต๋านั่นก็แปลกพอรับได้แล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าโอรสสวรรค์หนุ่มนี่ก็กินไม่เลือก กระทั่งของดิบของเย็นก็ไม่เกี่ยง! แม้แต่นางข้าหลวงผิวหยาบกร้านร่างใหญ่ที่อยู่ข้างกายองค์หญิงก็ไม่เว้นเช่นกัน! หรือฮ่องเต้น้อยรู้ประวัติตื้นลึกหนาบางของแม่ทัพหญิงซั่นเถี่ยฮวา จึงใช้เสน่ห์ของตนมาดึงดูดซั่นเถี่ยฮวาให้แปรพักตร์เป็นพวกตนเองเพื่อหักหลังท่านราชครู
ชิวหมิงเยี่ยนคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกถึงความโกรธที่พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรุนแรงจนไม่อาจควบคุมได้ ข้าราชสำนักอย่างเขาไม่สะดวกที่จะเข้าไปในอุทยานหลวง จึงยืนรออยู่ด้านนอกจนกว่าซั่นเถี่ยฮวาจะออกมา
เนื่องจากราชครูเว่ยสั่งไว้ว่าอีกประเดี๋ยวจะพาไปล่องเรือที่ทะเลสาบ เนี่ยชิงหลินคร้านที่จะขยับตัวเดินกลับไปยังตำหนัก จึงนั่งอยู่ในอุทยานหลวงสักพัก ดอกไม้ที่ปลูกโดยพี่หกนั้นมองเท่าไรก็ไม่เบื่อจริงๆ ทั้งยังใช้ประโยชน์ได้ดีเสียด้วย ดอกเบญจมาศที่มีลักษณะเหมือน ‘ปุยหิมะ’ นี้เป็นวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมในการทำผงดอกไม้อัดแท่งเนื้อละเอียดเลยทีเดียว เมื่อทาลงบนใบหน้าแล้วเนื้อแป้งไม่เพียงแต่เนียนละเอียดเท่านั้น แต่ยังติดทนนานไม่เป็นคราบ ทั้งยังทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนอีกด้วย เนื่องจากดอกไม้นี้ไม่ใช่ของที่ปลูกได้ทั่วไปในดินแดนจงหยวน ปีที่ผ่านๆ มาก็ออกดอกน้อยมาก ต่อให้เป็นพระชายาที่ได้รับความโปรดปรานมากที่สุดในวังก็ยังได้รับเพียงหนึ่งหรือสองแท่งเป็นอย่างมากเท่านั้น หากไม่ใช่วันสำคัญก็ไม่มีทางเอามาบดทาประทินโฉมให้สิ้นเปลืองแน่
แต่พี่หกของนางขยายพันธุ์ดอกไม้ด้วยการทาบกิ่ง สามารถปลูกดอกไม้ได้เต็มแปลงในสวนของตนเอง ทั้งยังจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อจ้างผู้เชี่ยวชาญจากเจียงหนานที่มีชื่อเสียงในการทำเครื่องประทินโฉมมาสกัดผงดอกไม้ แยกบรรจุเป็นสี่กล่องอย่างพิถีพิถัน ซึ่งทั้งหมดได้ถูกส่งแยกมาให้องค์หญิงหย่งอันน้องสาวฝาแฝดของฮ่องเต้กับเสิ่นฮองเฮาตามลำดับ
เมื่อเร็วๆ นี้เนี่ยชิงหลินศึกษาการประทินโฉมด้วยปุยหิมะที่เมื่อก่อนสนมชายาเสียดายไม่กล้าใช้ แต่กลับถูกองค์หญิงน้อยผู้สุรุ่ยสุร่ายใช้หมดไปเกือบครึ่งกล่องในเวลาเพียงไม่กี่วัน นอกเหนือจากประทินโฉมบนใบหน้าของตนเองแล้ว นางกำนัลนางข้าหลวงข้างกายก็ไม่เว้นอีกต่างหาก
ซั่นหมัวมัวจึงเป็นผู้ที่ต้องได้รับการดูแลก่อนเป็นคนแรก องค์หญิงสังเกตเห็นว่าปกติซั่นเถี่ยฮวามักมีสีหน้าเรียบเฉยอยู่เป็นนิจ ประกอบกับการที่อีกฝ่ายใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบมาเป็นเวลานาน จึงไม่แปลกที่สีผิวจะดูหมองคล้ำและผิวหน้าค่อนข้างหยาบกร้าน ทว่าถึงแม้ซั่นเถี่ยฮวาอายุเกือบสี่สิบปีแล้วแต่กลับไม่ค่อยมีริ้วรอยมากนัก ซึ่งน่าจะเป็นธรรมชาติมอบมาตั้งแต่กำเนิด คิ้วดกหนานัยน์ตาโต ทำให้หน้าตาของนางดูไม่เลวเลยทีเดียว นี่เองจึงทำให้องค์หญิงหย่งอันเกิดความคิดที่จะช่วยปรับรูปลักษณ์ของคนข้างกายให้ดูดีขึ้นทันที
ซั่นหมัวมัวไม่กล้าขัดขืนองค์หญิง จึงปล่อยให้นางที่อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำประทินโฉมให้แต่โดยดี ทว่าองค์หญิงเป็นคนมีรูปโฉมงดงาม ไม่ว่าจะประทินโฉมบนใบหน้าหน้าหนักหรือเบาก็ล้วนออกมางดงาม แต่พอประทินโฉมให้ผู้อื่นอาจลงน้ำหนักมือหนักไปสักหน่อยเลยออกมาดูแปลกไปบ้าง
วันนี้ซั่นหมัวมัวจึงเดินง่วนอยู่ในตำหนักเฟิ่งฉูด้วยแก้มสองข้างที่แดงเข้มอย่างนี้มาตลอดทั้งเช้า
เนื่องจากจู่ๆ เนี่ยชิงหลินก็นึกถึงความคิดในการนำทรัพย์สินไปจำนำ จึงสั่งให้คนไปตามซั่นหมัวมัวมาเพื่อถามนางว่ามีเงินเหลือจากส่วนของตำหนักเฟิ่งฉูหรือไม่ พอจะลดค่าใช้จ่ายลงได้บ้างหรือไม่ แต่พอเห็นใบหน้าของซั่นหมัวมัวท่ามกลางแสงแดดที่สดใสเจิดจ้า แม้แต่เจ้าตัวที่เป็นคนแต่งหน้าให้ก็ยังสะดุ้งโหยงพลางนึกในใจว่า เช้านี้มีแสงไม่เพียงพอ จึงลงแป้งไปเสียหนาเตอะ ใบหน้าของซั่นหมัวมัวดูเหมือนคนที่จับไข้หน้าแดงสุกแล้วก็ไม่ปาน!
พอเห็นดังนี้องค์หญิงน้อยจึงรีบปาดเหงื่อเย็นออกอย่างรู้สึกผิดแล้วสั่งให้ซั่นหมัวมัวนั่งคุกเข่าลง จากนั้นจึงใช้ผ้าเช็ดหน้าในมือเกลี่ยสีแดงบนแก้มของอีกฝ่ายให้จางลงสักหน่อย เนื่องจากเจ้านายกับข้ารับใช้อยู่ด้วยกันจนเคยชินแล้ว จึงลืมไปว่าขณะนี้องค์หญิงอยู่ในเสื้อคลุมมังกร
แต่พฤติกรรมทั้งหมดนี้ในสายตาของชิวหมิงเยี่ยนแล้วกลับดูเหมือนว่าโอรสสวรรค์เจ้าสำราญที่เพิ่งหยอกเย้ากับท่านราชครูไป ไม่ทันไรก็หันมาหยอกเอินนางข้าหลวงแม่ม่ายด้วยอีกคนแล้ว! เชื้อไม่ทิ้งแถวสมกับที่เป็นโอรสของฮ่องเต้พระองค์ก่อนจริงๆ ทำตัวเสเพลเกี้ยวคนไปทั่วโดยไม่เลือกหน้าเลยนะ! ครั้นชิวหมิงเยี่ยนคิดอย่างนี้ก็โมโหจนมือเท้าเย็นไปหมด เขาอุตส่าห์รอจนกระทั่งซั่นหมัวมัวเดินออกมาจากอุทยานหลวงแล้วจึงเรียกนางไว้ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แม่ทัพซั่นโปรดหยุดก่อน!”
ซั่นเถี่ยฮวาหันกลับมามอง ที่แท้ก็คือชิวหมิงเยี่ยนที่รู้จักกันมานานตั้งแต่ตอนอยู่ในกองทัพนี่เอง สีหน้าของนางจึงอ่อนลง พอนึกขึ้นได้ว่าเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นอัครมหาเสนาบดีแล้ว จึงรีบทำความเคารพอย่างเต็มพิธีการ “คารวะท่านอัครมหาเสนาบดีชิว”
Comments



