คนเป็นผู้นำลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่จนใจเพราะมีพระบัญชาติดตัว จำต้องเดินขึ้นหน้าไป
คบไฟเข้าใกล้ม่านรถม้า เนื้อผ้าไหมนั้นไม่อาจต้านแสงที่ลอดผ่านได้ ส่องผ่านทั้งด้านในด้านนอก สะท้อนเงาร่างคนในรถม้าบนผืนผ้าได้อย่างชัดเจน
ไหล่ที่ผอมบางเย้ายวนของหญิงสาวขยับไหวระริกท่ามกลางแสงไฟ มองจากช่วงไหล่ลงต่ำ สายรัดเอวที่คลายออกเลื่อนลงมากองยุ่งเหยิงอยู่ที่เอวและหน้าท้อง ต่ำลงไปคือบั้นท้ายที่แทบจะเปลือยเปล่า กระดกขึ้นแตะบนตักของชายหนุ่มอย่างไม่รู้กาลเทศะโดยมีมือข้างหนึ่งทาบอยู่บนนั้น
ภาพหยาบโลนวาบหวามนี้ ต่อให้มีผ้ากั้นหนึ่งชั้นก็ยังมองออกว่าหญิงผู้นั้นเป็นหญิงงามชั้นเลิศผู้หนึ่ง
คนเป็นผู้นำถือคบไฟยืนอึ้งงันอยู่กับที่ มองจนตะลึงค้างไป
“เห็นชัดเจนหรือยัง”
เสียงพูดเย็นชาดึงสติที่ล่องลอยไปไกลตามแรงปรารถนาของทุกคนกลับมา
“ใต้เท้าจาง…ล่วงเกินแล้ว”
“มีภารกิจติดตัวนั้นไม่ว่ากัน ขอแค่เห็นชัดเจนแล้วก็พอ” เขาตบผิวเนื้อที่ร้อนแดงเพราะความเขินอายใต้ฝ่ามือนั้นอย่างไม่ใส่ใจ “เจียงหลิง”
คนบังคับรถม้าประสานมือตอบรับ “ขอรับคุณชาย”
“ควักลูกตา”
จากนั้นเสียงร้องน่าเวทนาก็ดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นรอบข้าง แม้แต่คนที่เป็นผู้นำเองยังไม่ทันรู้ตัวก็ถูกคนบังคับรถม้าผู้นั้นควักลูกตาเสียแล้ว เขาโยนคบไฟทิ้งทันทีแล้วยกมือปิดตา ร้องอย่างเจ็บปวดใจแทบขาดพลางกลิ้งไปบนพื้นหิมะ เส้นเลือดเขียวบนหลังมือปูดนูน ตัวกระตุกราวกับตะแกรงร่อน
สภาพของเขาน่าเวทนายิ่งนัก ทำให้ทุกคนหวาดกลัว หลังจากตกตะลึงอยู่นานมากถึงมีคนลงจากหลังม้าแล้วเดินเข้าไปดูอาการ
คบไฟไปถึงหน้ารถม้า ส่องเงาร่างชายหนึ่งหญิงหนึ่งบนม่านรถเป็นเงาเลือนราง
เสียงหัวเราะเบาๆ เสียงหนึ่งดังออกมาจากในรถม้า
ทุกคนเงียบเสียงทันที ทหารหนึ่งในนั้นถึงขั้นโยนคบไฟในมือไปไกลให้กลิ้งไปบนพื้นหิมะ ส่องสว่างใบหน้าที่เจ็บปวดอย่างยิ่งของชายคนที่เป็นผู้นำ
“เจ็บเหลือเกิน…เจ็บ…”
เสียงร้องเจ็บปวดของเขาแทบไม่เป็นประโยค แม้แต่ลมหายใจยังไม่อาจควบคุมได้ ลมภายในถูกพ่นออกจนหมด ทว่าสูดลมกลับเข้าไปไม่ได้เลยสักเฮือกอยู่นาน เลือดที่ไหลออกจากหลุมดวงตาประหนึ่งงูสีแดงสองตัวที่น่ากลัว ไหลเลื้อยลงบนพื้นหิมะ
ทุกคนทำอะไรไม่ถูก อาวุธที่ถือติดมือสั่นจนเกิดเสียง ในชั่วขณะนั้นไม่มีผู้ใดกล้าขวางรถม้าอีก
คนในรถม้าดึงแขนเสื้อมาปิดรอยแผลจากแส้บนข้อมือ อาศัยแสงไฟก้มหน้าลงมองหญิงสาวที่อยู่บนตัก
นางกัดผ้าเช็ดหน้าในปากแน่น เสื้อบางไหลเลื่อนมาอยู่ตรงเอว เผยให้เห็นบังทรงสีแดงสด
เขายกมือขึ้น ตอนที่ฝ่ามือยกออกจากบั้นท้ายของหญิงสาว สองขาของนางสั่นระริก กระพรวนบนข้อเท้ากระทบกันเกิดเสียงกรุ๊งกริ๊ง
“ลงไป”
นางไม่กล้าอยู่ที่เดิม แทบจะกลิ้งลงไปข้างเท้าของเขาแล้วหลับตาโขกศีรษะ “ข้าขอขอบคุณคุณชาย…ในบุญคุณที่ช่วยชีวิต”
“เหตุใดจึงไม่ลืมตา”
“ข้า…ไม่เห็นอะไรเลย”
เขาหัวเราะเย็นชา โน้มตัวมาบีบปลายคางของหญิงสาว ใช้แรงอย่างมากจนแทบจะยกนางขึ้นมาทั้งตัว
นางจับมือของเขาไว้ทันที “อย่าฆ่าข้าเลย…ข้าไม่กล้าพูดออกไปแน่นอน…ข้าไม่กล้าพูดอะไรจริงๆ”
“คนเป็นเชื่อใจไม่ได้”
“เช่นนั้น…” นางตกใจจนวิญญาณลอยไปไกล ตัวสั่นราวกับกระด้งฝัดข้าว “คุณชายจะตัดลิ้นของข้า หรือ…หรือเอาเหล็กร้อนนาบคอข้าให้เป็นใบ้ก็ได้…”
นางคลายมือออก ปล่อยให้ตนเองถูกเขายกตัวไว้เหมือนกระต่ายผอมตัวหนึ่ง “ข้า…ข้าไม่อยากตาย ข้าจะตายไม่ได้…”
บุรุษผู้นั้นบีบคางนางแน่นขึ้น
“ตายไม่ได้? ในเมื่อมาเป็นหญิงคณิกา ยังมีอะไรให้เป็นห่วงอีกหรือ”
ใครจะรู้ว่าหญิงผู้นั้นกลับพูดเสียงดังขึ้นทันใด “ข้าไม่ใช่หญิงคณิกา! พี่ชายยังรอข้ากลับบ้านอยู่”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 26 ก.พ. 68