“เธอก็รู้ใช่มั้ยว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง ลำพังเรื่องเงินฉันคิดว่าไอ้สองมันไม่ได้เสียดายสักเท่าไหร่ คนที่จะต้องเดือดร้อนไปกับมันต่างหากที่น่าเป็นห่วง อินฟินิตี้วันเป็นแหล่งรายได้ของคนนับพัน ถ้าต้องปิดตัวไปเธอก็น่าจะรู้ว่าอีกหลายชีวิตต้องเดือดร้อน ไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการรายย่อย แต่พวกพนักงานตัวเล็กๆ ก็พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย”
“…”
“ยายของเธอเองก็คงจะโกรธแค้นพ่อฉันมาก ฉันก็พอเข้าใจความรู้สึกของท่านอยู่บ้าง ถึงแม้จะไม่เข้าใจเลยว่าการยัดเยียดหลานสาวให้แต่งงานกับฉันหรือกับไอ้พิชญ์มันเป็นการแก้แค้นตรงไหน” อันที่จริงเขารู้เพราะเดาไม่ยาก คุณหญิงสมปรารถนาแค่เพียงอยากมีส่วนได้ส่วนเสียกับธุรกิจหมื่นล้านของตระกูลของเขาที่นางมีส่วนช่วยผลักดันในอดีตนั่นเอง
หน้าเลือด! คนแบบนั้นแม้ว่าจะใกล้ตายเต็มทนก็ยังมิวายคิดเรื่องผลประโยชน์ ส่วนได้ส่วนเสีย ยอมแลกทุกอย่างแม้ต้องเบียดเบียนความสุขของทุกคนเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
พริ้มเพราไม่แสดงความรู้สึกใดๆ อีกตามเคย เธอไร้หัวใจจริงๆ อย่างที่พฤกษ์ว่า ต่อให้เขาใช้ถ้อยคำรุนแรงกว่านี้เธอก็มั่นใจว่าตัวเองจะไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น
“ฉันยอมตกลงแต่งงานกับเธอ”
คราวนี้พริ้มเพราที่เก็บอารมณ์ความรู้สึกได้ดีมาตลอดต้องเบิกตากว้าง เธอยอมรับว่าตกใจกับสิ่งที่พฤกษ์บอกยิ่งกว่าตอนที่พิชญ์มาขอถอนหมั้นเสียอีก
“หมายความว่าไงคะ”
“เธอน่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอ” พฤกษ์ไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่เขาก็เลวไม่ถึงขั้นไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำในสิ่งที่ช่างเห็นแก่ตัวอย่างน่าละอาย “ฉันรู้ว่ามันอาจจะดูเห็นแก่ตัวไปนิดที่มาพูดเรื่องสำคัญขนาดนี้กับเธอโดยไม่มีพิธีรีตองอะไรเลย เธอกับสองใช้เวลาดูใจกันมาระยะหนึ่งเพื่อใช้ชีวิตคู่ร่วมกันในอนาคต แต่น้องชายฉันมันรักผู้หญิงคนอื่นไปแล้ว ฉันรู้ว่าเธออาจต้องการเวลาเหมือนที่เธอกับไอ้สองเคยมีเวลาศึกษานิสัยใจคอซึ่งกันและกัน แต่ก็เห็นนี่ว่าการจะดูใจกันหรือไม่ ก็ไม่ได้การันตีว่าคนสองคนจะแต่งงานกันได้ ฉะนั้น ฉันก็จะขอเธอแต่งงานแบบนี้แหละ ง่ายๆ แบบนี้เลย”
“เพื่ออะไรคะ เพียงแค่ต้องการให้คุณยายขายที่ให้เท่านั้นเหรอคะ”
“มันจะต้องมีอะไรมากกว่านั้นอีกล่ะ” ชายหนุ่มตอบแบบไม่ถนอมน้ำใจคนฟัง “ในเมื่อยายของเธออยากให้เธอเป็นสะใภ้ตระกูลบริพัตรเมธานนท์มากชนิดที่ว่าหลานสาวจะแต่งงานกับใครก็ได้ ฉันเองก็อยากช่วยธุรกิจของครอบครัว เราสองคนต่างได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย”
พฤกษ์ไม่ใช่คนใจเย็น เขาอยู่ขั้วตรงข้ามกับพิชญ์ แต่วันนี้เขาคงต้องฝึกตัวเองให้ใจเย็นลงมากๆ
ถึงพริ้มเพราจะแสดงความเฉยชาต่อการถูกคลุมถุงชนอย่างไร แต่ในฐานะที่เธอเป็นผู้หญิง เขาควรให้เกียรติเธอ
“ขอโทษนะถ้าฉันใช้คำพูดไม่ดีเท่าไหร่ แค่ไม่อยากอ้อมค้อมให้เสียเวลา ถ้าหากว่าเธอยังยินยอมที่จะแต่ง…” พริ้มเพรานิ่งเงียบซ้ำดวงตายังอ่อนแสงลง หัวใจด้านชาของนายแพทย์หนุ่มกลับอ่อนไหวอย่างที่ไม่ควรจะเป็น “หรือเธอมีคนรักอยู่แล้ว”
“เปล่าหรอกค่ะ ถ้าพี่หนึ่งเห็นว่าสมควร พริ้มก็ไม่ติดขัดอะไร”
แม้ว่าการตอบรับของพริ้มเพราไม่ได้ทำให้พฤกษ์แปลกใจเท่าใดนัก แต่ก็อดสะท้อนใจไม่ได้ การแต่งงานคือเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต แต่พริ้มเพราทำราวกับว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ตอบรับง่ายดายเหมือนสั่งอาหารสักจาน
…ในสมองของเธอคงมีแค่เรื่องผลประโยชน์ เห็นชัดว่าเธอเย็นชากับทุกสิ่ง
…เลือดเย็นเหมือนยายของเธอนั่นแหละ
“ถ้าอย่างนั้นวันเสาร์นี้ฉันจะพาพ่อไปที่บ้านเธอ เจรจาสู่ขอให้เป็นเรื่องเป็นราว ครั้งนี้ยายของเธอจะต้องขายที่ให้มารีรินทร์กรุ๊ปแบบไม่มีข้อแม้”
การตกลงเรื่องแต่งงานที่เจรจากันแค่เรื่องผลประโยชน์ทำให้พริ้มเพราต้องเบือนหน้ามองทางอื่น เธอยังมีความรู้สึกดีๆ ให้พฤกษ์ แม้ว่ามันจะเหลือน้อยมากแล้วก็ตาม
“ได้ค่ะ พริ้มจะเคลียร์ตัวเองให้ว่างวันเสาร์นี้”
“ดี” น้ำเสียงนั้นเจือไปด้วยความขุ่นใจ รู้สึกเหมือนกำลังดีลงานหรือเจรจาร่วมทุนอะไรสักอย่างก็มิปาน “แต่เราควรตกลงกันให้เรียบร้อยก่อนเพื่อจะได้พูดให้ตรงกัน เช่นว่าทำไมเธอถึงเลือกมาแต่งงานกับฉัน เรารักกันมาตลอด หรือว่าฉันเข้ามาดูแลเธอในวันที่เจ็บจากไอ้สอง แบบไหนที่ยายของเธอจะเชื่อมากกว่ากัน”
พริ้มเพรานิ่งไปอีกหลายวินาทีอย่างใช้ความคิด ก่อนช้อนดวงตาแข็งกร้าวหยิ่งยโสขึ้นมองเขา
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ขอแค่พริ้มได้แต่งเข้าตระกูลบริพัตรเมธานนท์คุณยายก็พอใจแล้ว ท่านไม่สนใจรายละเอียดพวกนั้นหรอก”