บทที่สิบห้า อาละวาดในวัง
ข้าวในหม้อคนอื่นอร่อยกว่า อาหารในชามของคนอื่นก็หอมกว่า เตียงของคนอื่นก็ย่อมนอนสบายกว่า…
หลังจากเทพปี้ชิงยกเตียงของเขาให้ข้านอนอย่างใจกว้าง จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าความจริงเตียงหลังเดิมของข้าก็ไม่เลว ฉะนั้นพอตกกลางดึกข้าก็ออกมาจากห้องอีกครั้ง คิดจะไปนอนกับเขา
ครั้งนี้ข้าเรียนรู้ที่จะฉลาดแล้ว เปลี่ยนร่างเป็นแมวตั้งแต่แรก ตัดปัญหาเรื่องเสื้อผ้าไปเสีย ทว่าเทพปี้ชิงยังคงไม่พอใจอย่างมาก…เขาหิ้วคอข้าโยนออกนอกประตูแล้วให้คนมาเฝ้าระวังรักษาการณ์มากขึ้น ไม่อนุญาตให้ข้าเข้าประตู
ไม่มีประตูยังมีหน้าต่าง! ข้าปลุกเร้าจิตใจที่มุ่งมั่นแข็งแกร่ง ไม่ยอมศิโรราบแม้จะมีอุปสรรคและความยากลำบากเพียงใด พยายามปีนเข้าไปอีกครั้ง ครั้งนี้ยังไม่ทันเข้าใกล้เตียงก็ถูกเขาพบเห็นแล้ว ข้าถูกหิ้วตัวโยนออกมานอกหน้าต่าง
ครั้งที่สาม ข้าเจาะรูที่ใต้หน้าต่างเข้าไปเสียเลย คิดไม่ถึงว่าทำเช่นนี้ก็ยังถูกจับได้และโยนออกมาอีก ทั้งยังโยนลงไปในสระน้ำ จิ่นเหวินที่อยู่ไม่ไกลเห็นแล้วแอบหัวเราะไม่หยุด
ถูกจับโยนออกมาหลายครั้งหลายหน หลายต่อหลายวัน ก้นก็เจ็บ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงโกรธแล้ว…
เวลาแมวโกรธจะทำอยู่เพียงอย่างเดียว นั่นก็คืออาละวาดทำลายข้าวของ ข้าตัดสินใจใช้กำลังอันป่าเถื่อนมาทำให้คนสารเลวผู้นั้นได้ทบทวนการกระทำของตน!
วันนี้เทพปี้ชิงออกจากวังไปแต่เช้า ไม่รู้จะกลับมาเมื่อใด
ข้าฉวยโอกาสนี้วิ่งไปที่ข้างต้นอู๋ถงในลานแล้วฝนเล็บอย่างบ้าคลั่งอยู่บนนั้น ฝนได้ไม่กี่ทีต้นไม้ทั้งต้นก็หักเป็นสองท่อนแล้วโค่นลงมา ข้าวิ่งต่อไปที่ข้างสระน้ำ ยื่นมือลงไปช้อน ถอนดอกบัว ใบบัวขึ้นมาจนเกลี้ยง แล้วก็ไปที่สวนดอกไม้ ผลักต้นไม้ที่มีดอกอยู่ทุกต้นให้ล้มระเนระนาด ฉีกพรมปูพื้นขาดวิ่น โต๊ะเก้าอี้ทั้งหมดกลายเป็นที่ฝนเล็บ แม้แต่เรือนต่างๆ ก็ถูกข้าพังไปหลายหลัง
ชั่วเวลาอันสั้นสถานการณ์แปรเปลี่ยน สาวใช้และเด็กรับใช้ทุกคนพอเห็นข้ามาก็กอดศีรษะวิ่งหนี หนีเร็วเสียยิ่งกว่ากระต่าย มีเพียงสาวใช้ที่ชื่อหวาวาเดินหน้าเศร้าตามอยู่ข้างหลังข้าพลางร้องบอกไม่หยุดปาก “ท่านเหมียวเหมียว ท่านยั้งมือสักหน่อยเถิด แจกันใบนั้นกับพวกโต๊ะเก้าอี้ตัวนั้นล้ำค่ายิ่ง! ท่านเทพกลับมาจะต้องโกรธมากแน่”
เสี่ยวหลินกลับเดินเข้ามาตบบ่าของนางแล้วบอก “ไม่ต้องสนใจนาง เรื่องนี้รอท่านเทพกลับมาย่อมจัดการเอง ปล่อยนางอาละวาดไปเถิด”
ข้าไม่สนใจว่าพวกเขาจะพูดอะไร เพียงทุบทำลายข้าวของต่อไป กระทั่งเหนื่อยแล้วจึงหยุดมือปีนขึ้นไปผึ่งแดดบนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ถือโอกาสเบิกตามองไปยังที่ไกล รอเทพปี้ชิงกลับมาด้วยความกระวนกระวายใจ อยากดูว่าเขาจะโกรธหรือไม่
ตอนดวงอาทิตย์ใกล้ตกดิน ในที่สุดเขาก็ขี่กิเลนกลับมา ข้ารีบเข้าไปหลบอยู่กลางกิ่งไม้ใบไม้ มองเขาอย่างระแวดระวัง กลับพบว่าในดวงตาของเขามีแววอ่อนล้าและกลัดกลุ้มจางๆ
เขากำลังกลัดกลุ้มเรื่องอะไร