เขาก็ไม่ได้เร่งรัดขอคืนจากข้า เพียงมองจ้องหน้าข้า หลังจากมองอยู่นานจึงบอก “ฌานตบะของเจ้าน่าจะเป็นปีศาจมาแล้วนับพันปี ทว่าเหตุใดสติปัญญากลับอยู่ในระดับปีศาจเยาว์วัยเท่านั้น”
ข้าไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่เขาถามนัก เพียงสั่นศีรษะแสดงท่าทีไม่รู้
“แต่ก็ช่างเถิด” สุดท้ายเทพปี้ชิงก็ทอดถอนใจ เขาโน้มตัวลงมาพูดกับข้าอย่างนุ่มนวล “ข้าส่งเจ้าไปสถานศึกษาที่ตั้งขึ้นมาสำหรับปีศาจเยาว์วัยในแดนสวรรค์ดีหรือไม่”
“อะไรคือสถานศึกษา” ข้าถามด้วยความอยากรู้
เทพปี้ชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอก “ก็คือสถานที่ที่เจ้าจะศึกษาหาความรู้”
“ไม่ไป” ข้าปฏิเสธทันทีโดยไม่แม้แต่จะคิด
“ถึงแม้เจ้าจะเป็นลูกศิษย์ของข้า แต่ที่ข้าเชี่ยวชาญคือวิชาอาคมในการสู้รบ อีกทั้งประสบการณ์ในการสั่งสอนศิษย์ของข้ายังไม่เพียงพอ ยากจะสอนความรู้ทั่วไปในขั้นต้นให้แก่เจ้าได้” เทพปี้ชิงค่อยๆ โน้มน้าวไปตามลำดับอย่างมีขั้นตอน
ข้าเอาหินก้อนเล็กในมือเก็บเข้าไปในอกเสื้อ กลัวจะถูกเขาเก็บคืน จากนั้นก็ถามขึ้น “ท่านยังไม่ได้อธิบายให้ข้าฟังอะไรคือลูกศิษย์ ลูกศิษย์ต้องทำอะไร”
“ผู้ที่ถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆ ให้กับเจ้าด้วยตนเอง เรียกว่าอาจารย์ ผู้รับการถ่ายทอดก็คือลูกศิษย์” เทพปี้ชิงย่นหัวคิ้ว พยายามอธิบายให้ข้าฟัง “สรุปก็คือต่อไปเจ้าพึงเคารพอาจารย์ ด้วยการให้ความสำคัญต่อการศึกษาเล่าเรียนของตน เชื่อฟังคำพูดของข้า ยังมี ลูกศิษย์ต้องติดตามศึกษากับอาจารย์ อาจารย์มีพระคุณดุจบิดาดุจพี่ชาย ดังนั้นจึงต้องเรียกข้าว่าอาจารย์”
ข้าใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตัดสินใจทันที “ข้าไม่อยากเป็นลูกศิษย์ของท่าน!”
สีหน้าของเทพปี้ชิงเปลี่ยนเป็นไม่ชวนมองในทันที เขาตวาดขึ้น “แล้วเจ้าอยากจะเป็นอะไร!”
“เหมียวเหมียวจะเป็นสัตว์เลี้ยง!” ข้าบอกเสียงดังด้วยความเบิกบานใจ
เทพปี้ชิงกลายเป็นหินไปแล้ว เป็นนานเขาจึงได้สติกลับคืนมา “สัตว์เลี้ยง?”
“เป็นสัตว์เลี้ยงดียิ่ง ท่านจะต้องให้ข้ากินข้าดื่มทุกวัน จากนั้นก็เล่นกับข้า หยอกล้อข้าให้เบิกบานใจ ยังต้องรักข้า เอ็นดูข้า เอาใจใส่ข้า ดังนั้นข้าจะเป็นสัตว์เลี้ยงไม่เป็นลูกศิษย์!” ข้ายกนิ้วขึ้นมานับข้อดีด้วยความกระหยิ่มใจ
“เหลวไหล!” เทพปี้ชิงตวาดด้วยความเดือดดาล พริบตาเดียวเขาก็อดใจไม่อยู่ แอบหัวเราะแล้ว
ข้าลู่หูลงแล้วยืนยันอีกครั้ง “อย่างไรเสีย…เหมียวเหมียวก็จะเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน”
เทพปี้ชิงรีบวางสีหน้าเคร่งขรึม กระแอมกระไอไปหลายคำแล้วบอกเสียงเฉียบขาด “เจ้าเลือกได้ว่าจะเป็นลูกศิษย์ หรือจะถูกหวดก้น”
“เมี้ยวๆๆ…” ข้าร้องออกมาหลายคำด้วยความคับแค้นใจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากนั้นก็คลำๆ ก้นที่ยังไม่หายเจ็บ จมอยู่ในความกลัดกลุ้ม รู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าพฤติกรรมการใช้อำนาจป่าเถื่อนมาข่มขู่บังคับผู้อื่นของเขาช่างไร้ยางอายยิ่ง!