ฝูถิงเองก็กำลังมองนางอยู่ เขาสวมเครื่องแบบทหารเนื้อหนาสองชั้น แบะปกเสื้อแบบชาวหู เสื้อตัวในที่ควรกระชับแนบร่างที่สุดเวลานี้คลายหลวมๆ อยู่บนตัวเพราะเข็มขัดถูกปลดออก ให้บรรยากาศปล่อยตัวสบายๆ
ขนาดนั่งอยู่ตรงนั้น หลี่ชีฉือยังรับรู้ถึงความสูงใหญ่กำยำของเขาได้
นางหลุบตาลง เพียงครู่เดียวก็ช้อนตาขึ้นมาใหม่
เขายังคงจ้องมองนางเขม็ง ความอ่อนเพลียสะท้อนอยู่ในแววตา
เรื่องราวในอดีตพลันวาบเข้ามากระทบความคิดเมื่อเห็นหน้าเขา
ก่อนจะตบแต่งกัน กวงอ๋องเคยแอบส่งคนมาแดนเหนือเพื่อสืบดูว่าผู้บัญชาการของกองทัพพิทักษ์อุดรรูปร่างหน้าตาอย่างไร
สายสืบกลับมารายงานว่าแม้ท่านผู้บัญชาการจะมีชาติกำเนิดต่ำต้อย ทว่าหล่อเหลาองอาจกว่าพวกชนชั้นสูงมากนัก
ตอนนั้นนางถามพี่ชายว่า ‘ท่านจะต้องสืบเรื่องเช่นนี้ไปไยกัน เขาเป็นคู่สมรสพระราชทาน ต่อให้หน้าตาขี้ริ้ว ท่านจะขอยกเลิกการแต่งงานได้หรือ’
พี่ชายตอบว่า ‘สืบให้รู้จะได้สบายใจขึ้นมาหน่อย พวกหน้าตาอัปลักษณ์จะคู่ควรกับรูปโฉมเจ้าได้อย่างไร’
ความคิดล่องลอยไปไกล กว่านางจะได้สติกลับมา เสียงของหลัวเสี่ยวอี้ที่ได้ยินก็ดังอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว
“รบกวนพี่สะใภ้เซี่ยนจู่แล้วจริงๆ ข้าน้อยเพิ่งติดตามท่านผู้บัญชาการกลับมาที่จวน ไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายวันจึงอ่อนเพลียจนทนไม่ไหว เดินเข้าห้องได้ก็หลับเป็นตาย โปรดอย่าได้ถือโทษความรุ่มร่ามของข้าเลย”
หลี่ชีฉือรู้ว่าที่ผ่านมาจวนแห่งนี้ไม่มีคนอยู่ หลัวเสี่ยวอี้คงจะทำตัวตามสบายจนชิน จึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ “ไม่เป็นไร”
“พี่สะใภ้คนดีช่างใจกว้างเหลือเกิน!” นายทหารหนุ่มป้อยออย่างปากหวาน ก่อนจะอุทานด้วยความตกใจเมื่อยื่นหน้าเข้าไปข้างในได้ครึ่งหนึ่ง “พี่สาม ห้องท่านอุ่นถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนี่”
ฝูถิงได้ยินคนสนิทพูดดังนั้นถึงเพิ่งรู้สึก
เขาเร่งติดตามไล่ล่าสายลับทูเจวี๋ยอยู่หลายวันจนไปถึงชายแดน หากไม่เพราะม้าเหนื่อยตายไปตัวจนไล่ตามต่อไม่ไหวจริงๆ แล้วล่ะก็ น่ากลัวว่าป่านนี้ก็คงยังอยู่ข้างนอก
พอกลับเข้าห้องก็หลับสนิท เพิ่งสังเกตเอาตอนนี้เองว่าห้องนอนอุ่นสบายราวกับอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ มิน่าเล่าเมื่อครู่ถึงได้หลับทันทีที่หัวถึงหมอน
ดวงตาคมค่อยๆ กวาดมองภายในห้องทีละนิด
ตอนตื่นนอนใหม่ๆ ยังคิดว่าห้องนี้แปลกไปเพียงเพราะมีสตรีเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง แต่เท่าที่ดูเห็นจะไม่ใช่แค่นั้น
กระดาษปิดหน้าต่างเป็นของใหม่ ตามมุมห้องมีฐานโคมไฟ ภาพเขียนบนฉากบังตาก็ถูกวาดใหม่ มีข้าวของเครื่องใช้ขนาดต่างๆ เพิ่มขึ้นมาสิบกว่าอย่าง เช่น กระถางไฟ โถกำยาน ม่านแพรเนื้อบาง ล้วนแต่เป็นของที่เมื่อก่อนไม่มีทั้งสิ้น
เมื่อมองดูจนทั่ว สายตาก็ไปหยุดอยู่บนพรมปูพื้น แล้วไล่มองขึ้นไปตามร่างหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงนั้น
ชายเสื้อคลุมกระเพื่อมนิดๆ เพราะหลี่ชีฉือหดเท้าเปลือยของตนเข้าไปใต้อาภรณ์ เขาจึงมองเห็นเพียงความขาวผ่องแวบผ่านนัยน์ตาไปไวๆ
“เจ้าจัดการหรือ” เขาเอ่ยถาม
หลี่ชีฉือปรายตามองไปทางประตูแวบหนึ่ง หลัวเสี่ยวอี้ยื่นหน้าเข้ามาในห้อง ท่าทางจะติดใจสงสัยข้อนี้มากเช่นกัน นางจึงพยักหน้าตอบ “เจ้าค่ะ”
หากไม่ใช่นางจัดการ จะยังมีคนอื่นอีกหรือไร
ฝูถิงจ้องมองนาง คิ้วดกหนาขมวดมุ่น เพียงครู่เดียวก็คลายออก