กระถางไฟในห้องเพิ่งจะมอด ไออุ่นยังไม่จางหาย
ระหว่างแต่งตัวให้ผู้เป็นนาย ซินลู่เล่าให้ฟังว่าท่านผู้บัญชาการออกไปกองทัพแต่เช้าตรู่
หลี่ชีฉือไม่แปลกใจแม้แต่นิดเดียว ห้องหนังสืออยู่ไม่ไกลจากห้องนี้ นางจึงได้ยินเสียงรองเท้าขี่ม้าของชายผู้นั้นกระทบพื้นเฉลียงทางเดินตั้งแต่รุ่งสางแล้ว
ซินลู่ผูกผ้าคาดเอว แล้วหยิบเสื้อคลุมกันลมเนื้อหนามาสวมให้เพื่อกันหนาว พอพิจารณาใบหน้าผู้เป็นนายอย่างถ้วนถี่แล้วก็ต้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่สบายหรือไม่เจ้าคะ เหตุใดปากแห้งถึงเพียงนี้”
หลี่ชีฉือผิวขาวผ่องเนียนนุ่มไร้ตำหนิราคี กลีบปากเป็นสีท้อชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง ไม่เคยแห้งแตกเช่นนี้มาก่อน
ท่าทางเคร่งเครียดของซินลู่ทำให้หลี่ชีฉือนั่งลงส่องกระจก และพบว่าปากค่อนข้างแห้งจริงๆ
นางเม้มปากเบาๆ “ไม่มีอะไรหรอก ทางเหนืออากาศแห้งก็อย่างนี้ล่ะ”
ทว่าซินลู่ไม่เห็นด้วย เวลานี้ผู้เป็นนายของนางอยู่กับท่านผู้บัญชาการ ต้องให้ความสำคัญกับรูปโฉมยิ่งกว่าแต่ก่อนถึงจะถูก คิดแล้วนางก็รีบเดินออกไปหาสีผึ้งสำหรับช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้อีกฝ่าย
ซินลู่เพิ่งจะเดินออกไป ชิวซวงก็เข้ามาในห้องแทน นางสวมเสื้อคลุมคอกลมเยี่ยงบุรุษตามเคย
สาวใช้ผู้นี้คล่องแคล่วโผงผางกว่า หลี่ชีฉือจึงให้คอยช่วยดูแลการค้า มักจะออกไปทำงานข้างนอกอยู่เสมอ เช่นวันนี้ก็ออกไปแต่เช้าตรู่เพื่อสำรวจตลาดละแวกใกล้เคียง
“นายหญิง บ่าวได้ข่าวมาเรื่องหนึ่งเจ้าค่ะ” ชิวซวงเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ามีลับลมคมใน แล้วเล่าเรื่องที่ได้ยินมาโดยละเอียด
เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วัน เรื่องของยงอ๋องซื่อจื่อก็กระจายไปทั่วแล้ว
เห็นว่ายงอ๋องจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อไถ่ของกลับมา แล้วเฆี่ยนบุตรชายเสียปางตาย
แต่กระนั้นก็ยังไม่วายถูกชาวบ้านร้านตลาดหัวเราะเยาะหยันว่านอกจากจะเลี้ยงลูกไม่เอาไหน ยงอ๋องยังตกต่ำถึงขนาดต้องเอาเครื่องประดับพระชายาไปจำนำเลี้ยงชีพ
หลี่ชีฉือรับฟังเหมือนเป็นเรื่องขบขันสักเรื่องแล้วกล่าวยิ้มๆ “หวังว่ายงอ๋องซื่อจื่อจะจำไว้เป็นบทเรียน ต่อไปไม่เที่ยวก่อเหตุแบบไม่คิดหน้าคิดหลังอีก”
ต้องสั่งสอนให้เด็กคนนั้นได้รู้ว่าอย่าได้ล่วงเกินคนบางคนตามใจชอบ
ชิวซวงที่กำลังสะใจยิ้มรับ “จริงอย่างที่นายหญิงกล่าว เวลานี้ซื่อจื่อมาอยู่จวนผู้บัญชาการกองทัพพิทักษ์อุดร ต่อไปย่อมไม่มีใครกล้าข่มเหงรังแกง่ายๆ อีก”
แน่นอนสิ หลี่ชีฉือคิดในใจ ไม่เช่นนั้นจะลำบากลำบนดั้นด้นมาอยู่ที่นี่เพื่ออะไรเล่า
เรื่องของหลานชายนั้น มีครั้งแรกเดี๋ยวก็มีครั้งที่สองตามมา นางจำต้องมองให้ไกล
เทียบกับกวงโจวอันอุ่นสบาย แดนเหนือไม่ใช่ที่ที่ดีนักจริงๆ แต่ที่นี่มีสามีนาง อีกทั้งยังมีกำลังทหารในกองทัพภาคที่เขาควบคุมอยู่
ก็เหมือนอย่างทำการค้านั่นล่ะ สิ่งเหล่านี้…ล้วนเป็นต้นทุนทั้งสิ้น
น่าเสียดายก็แต่…สามีนางไม่สนใจไยดีนางเลยแม้แต่น้อย
พอคิดมาถึงตรงนี้ หลี่ชีฉือก็ขุ่นมัวในอารมณ์อย่างไร้สาเหตุขึ้นมาอีก
ฝูถิง…นางส่องกระจก ใช้นิ้วลูบปอยผมตรงข้างหู นึกถึงปลายคางคมสันราวกับแกะด้วยดาบของเขาพร้อมรำพึงในใจ ท่าน…ราวกับก้อนหินอย่างไรอย่างนั้น
ดวงหน้างามผินมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วบอกชิวซวงว่า “คอยดูเวลาให้ดี ประตูเมืองปิดเมื่อไรต้องมาบอกข้า”
สาวใช้รับคำทั้งที่ไม่เข้าใจ